แปลและเรียบเรียงจากต้นฉบับ The Crypto Anarchist Manifesto โดย Timothy C. May
มีผีร้ายตนหนึ่งกำลังหลอกหลอนโลกสมัยใหม่ มันคือผีร้ายของภาวะอนาธิปไตยจากการเข้ารหัส
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังจะสามารถทำให้ปัจเจกบุคคลและกลุ่มคนต่าง ๆ สามารถสื่อสารระหว่างกันอย่างนิรนามโดยสมบูรณ์ได้ คนสองคนสามารถแลกเปลี่ยนข้อความ ทำธุรกิจ และทำสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อจริงหรือตัวตนตามกฎหมายใด ๆ ของอีกฝั่งทั้งนั้น จะไม่มีใครติดตามการปฏิสัมพันธ์ในเครือข่ายใด ๆ ได้ มันจะมีการวิ่งไปมาของชุดข้อมูลที่เข้ารหัสเอาไว้ และจะมีกล่องข้อมูลลับที่ไม่สามารถใส่เครื่องดักข้อมูลได้
สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นผ่าน “โปรโตคอลการเข้ารหัส” ที่แทบจะสร้างหลักประกันโดยสมบูรณ์ ว่าการแอบดักดูข้อมูลจะเป็นไปไม่ได้ ความน่าเชื่อถือจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาคนจะตกลงทำอะไรกันในระบบแบบนี้ และมันจะสำคัญยิ่งกว่าเครดิตเรตติ้งทุกวันนี้เสียอีก
พัฒนาการเหล่านี้จะเปลี่ยนการกำกับดูแลของรัฐบาลไปโดยสิ้นเชิง
มันจะทำลายความสามารถในการเก็บภาษีและการควบคุมปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาล มันจะเปลี่ยนความเป็นไปได้ในการรักษาความลับ และมันจะเปลี่ยนกระทั่งธรรมชาติของความไว้เนื้อเชื่อใจและความน่าเชื่อถือในสังคม…
เทคโนโลยีที่จะทำให้เกิดการปฏิวัตินี้ จริง ๆ แล้วมันมีอยู่ในทฤษฏีมาตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว (ซึ่งจริง ๆ การปฏิวัติที่ว่าก็คงจะเป็นการปฏิวัติทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม) เทคนิคเหล่านี้วางอยู่บนแนวคิดเรื่อง “การเข้ารหัสแบบกุญแจสาธาธารณะ” (Public Key Encryption) “ระบบการพิสูจน์เชิงปฏิสัมพันธ์ที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้” (Zero-knowledge Interactive Proof System) รวมไปจนถึงโปรโตคอลด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สำหรับใช้ในการปฏิสัมพันธ์ การยืนยันตัวตน และการยืนยันข้อมูลต่าง ๆ ว่าเป็นความจริง
ก่อนหน้านี้ประเด็นเหล่านี้จะพบในงานสัมมนาที่จัดกันในยุโรปและอเมริกา ซึ่งทางหน่วยความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาก็จับตาดูการสัมมนาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด แต่มันก็เพิ่งไม่นานมานี้เองที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นจะมีความรวดเร็วเพียงพอที่จะทำให้แนวคิดเหล่านี้นำไปใช้งานได้จริง ๆ ในเครือข่าย
และในอีกสิบปีข้างหน้า การส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะเร็วขึ้น จนแนวทางแบบนี้สามารถเอาไปต่อยอดทางธุรกิจได้ในวงกว้าง และก็จะไม่มีอะไรหยุดยั้งมันได้อีก
ในขณะนี้มันมีการพัฒนาเครือข่ายความเร็วสูง เครือข่ายที่ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ท่อส่งข้อมูลที่ดักฟังไม่ได้ สมาร์ทการ์ด ดาวเทียม เครื่องรับส่งสัญญาณความถี่สูง คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่รันได้หลายล้านคำสั่งต่อวินาที และชิปสำหรับการเข้ารหัส
และเทคโนโลยีเหล่านี้เองที่จะทำให้อนาคตที่ว่ามาเป็นไปได้..
แน่นอนว่ารัฐจะพยายามชะลอหรือกระทั่งยับยั้งการแพร่กระจายเทคโนโลยีพวกนี้ และให้เหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติบ้าง กลัวว่าเทคโนโลยีจะไปอยู่ในมือพวกพ่อค้ายาหรือจะถูกนำไปใช้เพื่อหลบเลี่ยงภาษีบ้าง ไปจนถึงอ้างความกลัวว่าสังคมจะล่มสลาย
จริงอยู่ว่าความกลัวเหล่านี้จะเป็นจริงในบางส่วนแน่ ๆ “ภาวะอนาธิปไตยเข้ารหัส” จะทำให้คนสามารถซื้อขายความลับของชาติได้อย่างเสรี และมันก็จะเอื้อให้มีการซื้อขายของผิดกฎหมายหรือของที่ขโมยมา ซึ่งจริง ๆ แล้วตลาดออนไลน์นิรนามนี้จะทำให้เกิดการซื้อขายสินค้าและบริการน่ารังเกียจ อย่างเช่นการขู่กรรโชกทรัพย์หรือกระทั่งการลอบสังหาร มันจะมีทั้งอาชญากรและผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเป็นผู้ใช้เครือข่ายเข้ารหัสที่ว่านี้อย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้มันจะเป็นอย่างที่ว่ามาทั้งหมด ก็ไม่มีใครสามารถจะหยุดการแพร่กระจายของภาวะอนาธิปไตยเข้ารหัสได้
มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการพิมพ์ ซึ่งส่งผลให้อำนาจของกลุ่มองค์กรที่ครองโลกในยุคกลางนั้นลดลง จนนำไปสู่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจทางสังคมหรอก ศาสตร์ของการเข้ารหัสจะไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของบรรษัทยักษ์ใหญ่และรัฐที่มักแทรกแซงกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ
เมื่อภาวะอนาธิปไตยเข้ารหัสเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับตลาดเทคโนโลยีข้อมูลสารสนเทศ มันจะสร้างตลาดอันลื่นไหลของทุกสิ่งที่สามารถแปรรูปเป็นข้อความหรือรูปภาพได้ นี่มันไม่ได้ต่างจากความเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมที่ดูไม่มีอะไรเลย อย่างลวดหนามซึ่งสุดท้ายนำไปสู่การสร้างพรมแดนของฟาร์มปศุสัตว์ต่าง ๆ และทำให้ความคิดเรื่องที่ดินและทรัพย์สินส่วนบุคคลเปลี่ยนไปตลอดกาลในพรมแดนตะวันตกของอเมริกาในอดีต
ตอนนี้ก็เช่นกัน การค้นพบที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็ก ๆ ในทางคณิตศาสตร์แขนงหนึ่งซึ่งดูเป็นเรื่องลึกลับนี้ ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่มีอะไรเลย แต่จริง ๆ แล้วมันเหมือนการค้นพบคีมตัดลวดที่จะนำไปสู่การตัดรั้วลวดหนามที่ปิดกันทรัพย์สินทางปัญญาเอาไว้จนเหี้ยนในที่สุด
จงลุกขึ้นเถิด พวกคุณไม่มีอะไรจะเสีย.. นอกจากลวดหนามที่ล้อมปิดกั้นพวกคุณเอาไว้!