แปลและเรียบเรียงจากผลงานไซไฟสั้น ๆ โดย “เจมสัน ล็อปป์” ชาวไซเฟอร์พังก์มืออาชีพ และผู้ร่วมก่อตั้งพร้อมควบตำแหน่ง CTO บริษัท Casa (อ่านบทความต้นฉบับได้ที่นี่)
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เสียงหญิงสาวแสนอ่อนโยนจากนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหล สุ้มเสียงอาจจะดูแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ไปบ้าง แต่ก็ฟังดูมีบุคลิกและมีเสน่ห์ไม่หยอก
“วันนี้วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม คริสต์ศักราช 2033”
เสียงนั้นพูดต่อ.. “ค่าแรงประจำสัปดาห์นี้จำนวน 3,432 ดอลลาร์ ถูกโอนเข้าบัญชีคุณเรียบร้อยแล้ว โดยถูกหัก 1,049 ดอลลาร์เพื่อชำระสินเชื่อกู้ยืมเพื่อการศึกษา และถูกหักอีก 2,300 ดอลลาร์เพื่อชำระค่าเช่าให้กับคุณแบล็กสโตน ฮาธาเวย์ เจ้าของห้อง”
เชี่ย..!! ค่าเช่าแม่งแพงกว่าสัปดาห์ที่แล้วอีก นี่เขาปรับอัตราเงินเฟ้ออีกแล้วรึไง?
ผมไถลตัวออกจากช่อง “สลีปพอด” สำหรับซุกหัวนอนใต้ดิน ณ ที่ไหนสักแห่งชายขอบเมืองซานฟรานซิสโก ไอ้พวกนายทุนมันรวมหัวกันทำให้การสร้างคอนโดมิเนียมสูง ๆ แบบเมื่อก่อนเป็นไปไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้เราไม่มีรูไหนให้ซุกหัวนอนนอกจากต้องมุดลงดิน
ว่าแต่.. ทำไมผมยังทนอยู่ในโพรงเฮงซวยนี่น่ะเรอะ?
ก็แล้วผมจะหนีไปไหนรอดกันเล่า..
แต่ก่อนผมเคยเป็นก๊อบปี้ไรเตอร์ให้สำนักพิมพ์ซานฟรานซิสโกโครนิเคิลเลยเชียวนะ แต่ไอ้งานที่ว่าเนี่ยโดน AI เข้ามาทำแทนไปหมดละ ส่วนซานฟรานซิสโกโครนิเคิลก็กลายเป็นกระบอกเสียงให้รัฐในการพ่นโฆษณาชวนเชื่อแนว ๆ :
รัฐบาลกลางบอกให้คุณต้องหางานทำ พวกเขาพร้อมจะจ้างคุณ และพวกเขากำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้คุณมีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่ดีเลยเชียวนะ ไม่เชื่อคอยดู! และแม้รัฐบาลกลางจะกำหนดเพดานค่าจ้างเพื่อให้คุณหนีไปไหนไม่ได้ แต่รัฐคือมิตร รัฐป้อนอาหารให้คุณ และรัฐเป็นห่วงเป็นใยคุณ
ผมหยิบแว่น iGlasses รุ่นมาตรฐานขึ้นมาใส่ รุ่นนี้ราคาถูกมาก ๆ เพราะผลิตด้วยเลนส์กระจกธรรมดา ไม่ใช่พวกเลนส์ “กอริลลากลาส” อะไรนั่น แล้วทุกคนก็ใส่แว่น iGlasses สักรุ่นแบบผมนี่แหละ ยกเว้นพวกพนักงานออฟฟิศที่ขยับไปใส่คอนแท็กเลนส์รุ่น iContacts ในขณะที่ “พวก 1%” ระดับท็อปเลือกที่จะผ่าตัดสายตาเพื่อติดตั้งระบบ iEyes กันหมด
แต่ไม่ว่าจะใส่อะไรรุ่นไหน มันต่างก็ทำงานเหมือนกันหมด นั่นคือมันจะแสดงข้อมูลจากโลกออนไลน์มาคาดทับสิ่งต่าง ๆ ที่คุณมองเห็นรอบตัว เรียกว่าจะไปไหนก็รู้ข้อมูลทุกสิ่ง..ของทุกอย่าง
ผมฝืนใจเดินไปร้านกาแฟซอมซ่อที่ถนนเติร์กสตรีท ร้านนี้บางทีก็มีงานฟรีแลนซ์จ๊อบเล็ก ๆ ให้ทำ แต่ตอนนี้ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็มีแต่โฆษณาลอยเต็มหน้าไปหมดเลยเนี่ย
นี่ยังดีนะ ที่รัฐบาลกลางไม่อนุญาตให้ iGlasses แสดงแบนเนอร์โฆษณาที่มีความทึบแสง (Opacity) เกิน 50% ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่โฆษณาพวกนี้ก็ยังบังตาจนน่ารำคาญอยู่ดี
ผมล่ะอยากมีเงินมากพอที่จะซื้อ “Ad Blocker Upgrade” มาติดตั้งกับเขาบ้างจัง แต่ก็เพราะกองทัพโฆษณาน่ารำคาญนี่แหละที่ทำให้แว่นมันราคาถูกได้แบบนี้
ผมตัดสินใจว่าจะอัปเดตข่าวสารบ้านเมืองสักหน่อยระหว่างที่เดิน แต่ไม่ใช่ข่าวจากสื่อที่เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลกลางนะ ผมน่ะคัดกรองลิสต์ของนักข่าวอิสระบนทวิตเตอร์เอาไว้คอยอ่านแล้ว
ส่วนตัวผมเองไม่ทวีตอะไรมานานแล้วล่ะ มันเสี่ยงเกินไป.. คือแม้เราจะยังได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย “The First Amendment” (บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ปี 1791 ของสหรัฐอเมริกา ที่ปกป้องสิทธิในการพูดหรือแสดงออกอย่างเสรี–ผู้แปล) แต่การแสดงความเห็นที่สุ่มเสี่ยงบนโลกออนไลน์ อาจทำให้ผมโดนถีบออกจากบริการของรัฐได้ทันที.. เช่น แม้คุณจะเข้าถึงสิทธิในการรับรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI หรือ Universal Basic Income) แต่คุณอาจถูกระงับสิทธิใช้งานบัญชีจากธนาคารกลาง..
ซึ่งถ้าไม่มีบัญชีก็แทบจะรับเงินที่ว่านั่นไม่ได้ แล้วที่แย่ยิ่งกว่าคือบริษัทแอปเปิ้ลอาจจะสั่งปิดการทำงานของแว่น iGlasses ที่คุณสวมอยู่ ซึ่งแม่งแย่เหมือนโดนตัดแขนทิ้งไปข้าง!
ผมไถผ่านทวีตนับโหลที่ไหลบ่าบนไทม์ไลน์ รู้ตัวอีกทีร่างผมเซถลาลงไปกองที่พื้น รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว ความคิดแว่บแรกคือโล่งอกไปทีที่ iGlasses ยังไม่พัง
ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนจรไร้บ้านคนนึงซุกผ้าห่มขาด ๆ นอนขวางฟุตบาทอยู่ นี่ถ้าปกติผมคงด่าแหลกไปแล้วว่ามาขวางทางแบบนี้ได้ยังไง แต่ผมสังเกตเห็นว่าเขาเหม่อลอยอยู่ เขากำลังหลุดไปในเมตาเวิร์สเพื่อลืมโลกความจริงที่ตัวเองกำลังเผชิญ
คิดแล้วก็ตลกดีที่โฆษณาชวนเชื่อของนโยบายประกันรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า เคยเคลมไว้ว่ามันจะแก้ปัญหาคนจรไร้บ้าน สงสัยพวกนั้นคงไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า “คุณจูงม้าไปริมน้ำได้ แต่บังคับให้มันดื่มน้ำไม่ได้” เพราะสำหรับบางคนเนี่ย การได้นอนริมถนนมันชิลล์กว่าการนอนคุดคู้อยู่ในสลีปพอดจนหลอนอาการโรคกลัวที่แคบนะ
ผมตัดสินใจลุกขึ้นเดินต่อ.. พร้อมทำโน้ตเตือนตัวเองว่าต้องซื้อกางเกงตัวใหม่ คือเสื้อผ้าทุกชุดของผมเริ่มขาดรุ่งริ่งกันหมดละ ไม่รู้กี่ปีแล้วที่ไม่มีเงินพอจะซื้อชุดใหม่ ๆ มาใส่ เสื้อผ้าในทุกวันนี้กลายเป็นสินค้าที่คนทั่วไปซื้อไม่ไหว มันมีความต้องการซื้อสูงเกินปริมาณสินค้าที่มีขายไปไกล เนื่องจากรัฐบาลกลางกำหนดนโยบายห้ามนำเข้าเพื่อกระตุ้นการจ้างแรงงานเย็บผ้าภายในประเทศ พวกเขาถึงขั้นทำลายเครื่องจักรอัตโนมัติในโรงงานผลิตเสื้อผ้าทิ้งจนหมดสิ้น..
ทุกวันนี้แทบไม่มีงานอะไรให้ทำมากนักในย่านนี้ของเมือง คนส่วนมากถ้าไม่ทำงานรับใช้บรรษัทระดับยักษ์ใหญ่ ก็โดนเตะโด่งออกมาเพราะทำงานสู้ AI ไม่ได้ เนื่องจาก AI นั้นเป็นแรงงานดิจิทัลที่มีต้นทุนค่าจ้างถูกกว่ามาก
แต่สำหรับผม..จะรายได้เล็กน้อยแค่ไหนก็มีค่าทั้งนั้นในจังหวะแบบนี้ ขอแค่ผมยังมุ่งมั่นกับการกรอกใบสมัครงาน การส่งเอกสารแนะนำตัวให้โปรเจกต์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มจ้างงานฟรีแลนซ์ รวมถึงการพยายามสร้างคอนเนคชั่นอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่สักวันชีวิตผมต้องดีขึ้น
หลังจากการดั้นด้นหาจ๊อบเล็ก ๆ ทั้งวันดูท่าเหมือนจะเสียเวลาเปล่า ผมเลยรีบแจ้นไปร้านค้าที่หัวมุมถนนเพื่อซื้ออาหาร เพราะเงินในบัญชีผมจะถูกยึดคืนถ้ามันโดนแปะป้ายว่าไม่มีการเคลื่อนไหว
ทำไมน่ะหรือ..?
ก็ “บิ๊กบราเธอร์” ชอบให้เศรษฐกิจมีการไหลเวียนของเงินเยอะ ๆ เราจะปล่อยให้เงินนอนก้นบัญชีเฉย ๆ ไม่ได้นะ!
โชคดีที่อย่างน้อยในบัญชีของผมก็มีเงินไม่เยอะพอจนต้องมาคอยกังวลว่าจะเจอกับนโยบาย “อัตราดอกเบี้ยติดลบ” แบบที่บัญชีของ “พวก 1%” เขาต้องเจอกัน
ผมกว้านเอาอาหารสำเร็จรูปที่หน้าตาดูแทบไม่ออกว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน น่าจะพอสำหรับประทังชีวิตไปได้อีกสัปดาห์ เอาล่ะ.. ได้เวลาชำระเงิน
การต่อคิวคิดเงินเป็นเรื่องเชยชะบัดไปนานแล้ว ตอนนี้ทุกร้านมีเซ็นเซอร์ตรวจจับราคาทันทีที่ผมหยิบอะไรก็ตามใส่ถุงช้อปปิ้ง ผมปรี่ตรงไปช่องทางออกซึ่งเป็นที่กั้นแบบหมุนให้เข้าได้ทีละคน ผมต้องหยุดรอให้ iGlasses สแกนรูม่านตาเพื่ออนุมัติธุรกรรมพร้อมกับ KYC ยืนยันตัวตนของผม
รัฐบาลกลางเพิ่งบังคับใช้กฎนี้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะมีพวกหน้าด้านบางคนไม่ยอมรายงานเจ้าหน้าที่เวลามีคนตายในครอบครัว พวกนี้จะขโมยเอาเงินของคนที่ม่องเท่งไปแล้วมาใช้เสียเอง
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเดินผ่านย่านทรุดโทรมของเมืองที่ไม่มีค่อยมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางมาคอยตรวจตรา แล้วผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนทักออกมาจากในตรอกใกล้ ๆ
“แหม่ ช้อปปิ้งมาเยอะเชียว.. สนใจไข่ไก่มั้ย?”
คงจะดีถ้าได้กินอาหารจริง ๆ สักมื้อ ไม่ใช่กินแต่โปรตีนสังเคราะห์จัญไรนี่!
ผมเหลือบดูสินค้าที่เขาขายว่ามีอะไรบ้าง แต่ iGlasses ไม่ยอมแสดงราคาเลยแฮะ ผมไม่เห็นคะแนนโซเชียลเครดิตของเขาด้วยซ้ำ แปลกดี หรือเขามีเทคโนโลยีพรางตัว?
“น่าสนใจ” ..ผมตอบ
“ไข่ไก่โหลนึงราคาเท่าไหร่ล่ะ?”
“ประมาณ 50 แซต ต่อรองได้” ..เขาว่า
จะบ้าเรอะ! รัฐบาลกลางไม่ยอมให้ใช้สกุลเงินเถื่อนนี้แน่.. ผมคิดในใจ ก่อนจะถามย้อนกลับไปว่า..
“ผมไม่มีแซตอ่ะ.. มันราคากี่ดอลลาร์?”
“โทษทีน้อง ดอลลาร์มันเสี่ยงเกินไป พี่เองก็ไม่ใช่พ่อค้ามีใบอนุญาต เดี๋ยวรัฐบาลกลางมาถามโน่นนี่แล้วก็หาเรื่องระงับเงินพี่หมดน่ะสิ แล้วถึงพวกนั้นจะไม่มาจุ้นจ้านน่ะนะ พี่ก็ไม่ไหวที่จะต้องเสียภาษี 20% จากการค้าขายกันแบบนี้หรอก บิตคอยน์ดีกว่าเยอะ ธนาคารกลางเสือกไม่ได้”
ผมหลบตาเพื่อคิดทบทวนทางเลือกที่มี.. ผมคิดว่ารัฐบาลกลางต้องอยากรู้จักพ่อค้าหนีภาษีรายนี้แน่ ๆ ..แต่ทันใดนั้นเอง iGlasses ของผมก็แจ้งเตือนบางอย่าง มันแสดงภาพโครงหน้าของผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านผมไป พร้อมข้อความว่า..
"ถูกหมายจับ : สินบนนำจับ 50,000 ดอลลาร์ คุณคาร์ล่า เจนนิงส์ ถูกหมายจับจากรัฐบาลกลางในข้อหาเกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดมืด"
หัวใจผมเต้นโครมคราม เงินมากขนาดนี้ชีวิตผมจะสบายทันทีเลยนะ แถมน่าจะพอเอาไปจ่ายมัดจำสลีปพอดรุ่นที่มีครัวในตัวด้วย แต่ผมต้องหยุดคิดเรื่องซับซ้อนในหัวก่อน.. คือถึงแม้คาร์ล่าจะไม่ได้ทำอันตรายอะไรผม แต่เธอกำลังทำร้ายสังคมด้วยการฝ่าฝืนกฎของรัฐบาลกลางอยู่นะ
“ตกลงรับจ๊อบนี้” ..ผมตอบรับข้อความ พร้อมถอนหายใจ
“คุณผู้หญิง ขอโทษนะครับ แต่คุณต้องมากับผม”
ผมเอ่ยปากพร้อมหยิบสายเคเบิลรัดข้อมือออกมาจากกระเป๋า.. เธอพุ่งพรวด หนีไปทันที!
“เฮ่ย! หยุด!”
ผมตะโกนลั่นพร้อมวิ่งไล่กวด แต่เธอไวกว่าผม เพราะผมต้องคอยเลี่ยงไม่ให้เหยียบทางเท้าส่วนกลาง ไม่อย่างนั้นทุกก้าวที่ย่ำลงไปจะถูกบันทึกไว้ และเงินในบัญชีกลางของผมจะถูกหักค่าใช้ทางเท้าทันทีแบบเรียลไทม์
แต่พอเริ่มจะวิ่งไล่ไม่ทัน ผมคำนวณในใจอย่างรวดเร็วแล้วคิดว่า ช่างแม่ง! ยังไงค่าใช้ทางเท้าก็คุ้มแน่สำหรับรางวัลสินบนนำจับ รู้ตัวอีกทีผมวิ่งทันและรวบตัวเธอได้ที่ถนนมาร์เก็ตสตรีท ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในระยะที่จะได้ยินเรามั้ย
“ยอมให้จับดี ๆ เหอะน่า” ..ผมกระซิบบอกเธอ
“ไอ้เวรเอ๊ย!” เธอด่าสวนทันที
ตอนนี้ผมต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ ผมหยิบสายเคเบิลมารัดข้อมือเธอสองข้างไว้ด้วยกัน เธอร้องลั่นด้วยความโมโหทันทีที่ผมเริ่มค้นตัว
“โอ้…ไหนดูซิว่านี่อะไร?”
ผมพูดด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ล้วงเอาแผงวงจรอะไรบางอย่างขนาดเท่าหัวแม่มือ ออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของเธอ
“ได้โปรด อย่านะ นั่นมันเงินออมก้อนเดียวของฉันที่ยังปลอดภัยจากรัฐบาลกลาง”
“บิตคอยน์เรอะ? แหม่ ตะกี้ผมเองก็ต้องการใช้แซตอยู่เหมือนกัน น่าเสียดายเนอะ ตอนนี้รัฐบาลกลางรู้แล้วว่าผมจับตัวคุณได้ เดี๋ยวพวกเจ้าหน้าที่ก็จะแห่กันมาละ แล้วพวกเขาจะบังคับให้คุณปลดล็อกวอลเล็ทผิดกฎหมายนี่”
ผมสังเกตเห็นสายตาตื่นตระหนกของเธอ เธอรู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าหน้าที่เข้าถึงไพรเวทคีย์ของเธอไม่ได้ เธอต้องรับโทษใช้แรงงานในเหมืองข้อมูลนานหลายปีเพื่อชดใช้ค่าปรับ เหอะ.. ย้อนแย้งดีพิกล
แต่ผมต้องหนักแน่นเอาไว้เพื่อเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ของเรา ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับรัฐบาลกลางมากไปกว่าการกระทืบทิ้ง “เงินที่มั่นคง” (Sound Money) ให้หมดไปในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ แม้มันจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากรับจ๊อบไล่ล่าพวกคริปโทเคอร์เรนซีให้หมดไปจากสังคม
ผมบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะมอบตัวคาร์ล่าให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง รางวัลสินบนนำจับถูกโอนเข้าบัญชีผมทันที
คาร์ล่าร้องไห้ขัดขืนตอนที่เจ้าหน้าที่ลากตัวเธอออกไป.. ผมข่มใจดูเหตุการณ์ตรงหน้า และนึกภาพว่าสังคมเราจะต้องทุกข์ทรมานกันแค่ไหน ถ้าเราไม่มีเงินที่มีเสถียรภาพและถูกควบคุมดูแลโดยระบบการเงินส่วนกลางเหมือนอย่างตอนนี้..
พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน สังคมเราไม่มีที่ให้กับความเห็นแก่ตัว!
ผมเดินผ่านตรอกซอกซอยที่ซับซ้อน เพื่อเลี่ยงทางเท้าส่วนกลางให้มากที่สุด ระหว่างทางก่อนจะถึงบ้าน ผมคิดทบทวนว่าโลกเราเปลี่ยนไปมากเหลือเกินในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ใครจะเชื่อว่าเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของ กลุ่มไซเฟอร์พังก์ (Cypherpunk) ที่ให้กำเนิดคริปโทเคอร์เรนซีและมีแนวคิดต่อต้านรัฐอย่างรุนแรง..
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ทิ้งแนวคิดพวกนั้นไว้เบื้องหลังหมดแล้ว ตอนนี้สาวกของรัฐบาลกลางควบคุมทุกอย่างในสังคม ความเป็นส่วนตัวและอธิปไตยเป็นเรื่องที่หลงเหลืออยู่แค่ในความทรงจำ รัฐบาลกลางออกกฎหมายต่อต้านความเป็นส่วนตัว พวกเขาทำให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและการส่งข้อความแบบเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้แม้แต่คนที่ยังโหยหาอดีตก็พบว่ามันยากมากที่จะเลี่ยงการถูกติดตามจากเครือข่ายเซ็นเซอร์ที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ร้านค้าทุกร้าน บ้านทุกหลัง และถนนทุกสาย
จ๊อบวันนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมมีเงินพอที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้ ผมต้องบอกตัวเองให้มีความสุขพร้อมกับฝันกลางวันว่าจะถูกหวยงวดนี้..
และหวังว่าเงินรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าของผมจะถูกอัปเกรดไปเป็นระดับ “Individual Comfort+” กับเขาบ้างเสียที…