Decentralization ความไร้ศูนย์กลางคืออะไร ? เกิดจากอะไร ?
ระบบการเงินที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน ต้องอาศัยความเชื่อใจธนาคารในการรับส่งเงิน ต้องไว้ใจธนาคารกลางในการผลิตเงินว่าจะผลิตเงินได้เหมาะสม ไม่ด้อยค่าเงินเก็บของคนในระบบ เราสามารถใช้ธนบัตรได้ในบางครั้ง แต่ในการส่งเงินในระยะทางไกลๆ เราเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเอาเงินไปฝากไว้กับธนาคารเหล่านี้
บิตคอยน์สามารถส่งมูลค่าจากบุคคลสู่บุคคลได้ โดยไม่ต้องเชื่อใจใคร ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ไม่มีที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบริษัทที่ต้องคอยดูแลระบบ การตรวจสอบธุรกรรมในบัญชีกระทำโดยผู้ที่มีสมุดบัญชีที่บันทึกข้อมูลธุรกรรม หรือที่เราเรียกกันว่า โหนด (Node) และ ผู้บันทึกบัญชีกระทำโดยมายเนอร์ (miner) ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วโลกจำนวนหลายหมื่นหลายแสน
ความไร้ศูนย์กลางนี้ เกิดขึ้นได้ เพราะมีปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การกระจายตัวของโหนด, ผู้รันโหนดสามารถเลือกโหนดเวอร์ชั่นไหนก็ได้โดยที่ทุกเวอร์ชั่นสามารถทำงานร่วมกันได้, ไม่มีที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์, ไม่มีเจ้าของ, ความง่ายและค่าใช้จ่ายในการรันโหนดที่ต่ำ, การเปิดให้ทุกคนเข้าร่วมขุดบิตคอยน์ได้อย่างเสรี การกระจายตัวของกำลังขุด เป็นต้น...ถ้ามีโอกาสจะขยายความ แต่ละปัจจัยเหล่านี้อย่างละเอียดอีกทีนะครับ
คำว่า ความไร้ศูนย์กลาง ( Decentralization ) นี้ ยังมีหลายคนยังมีความสับสน กับคำว่า การกระจายความมั่งคั่ง
(Distribution of wealth) การกระจายความมั่งคั่ง หมายถึง การกระจายตัวของบิตคอยน์ไปยังผู้ใช้งานแต่ละคน บิตคอยน์ไม่สามารถแบ่งให้ทุกคนเท่ากัน บางคนอาจจะมีมาก บางคนอาจจะมีน้อย หรือบางคนอาจจะไม่มีเลยก็ได้

ระบบการเงิน ที่มีการกระจายเงินไปยังแต่ละบุคคลไม่เท่ากันแบบนี้ จะสามารถเป็นระบบการเงินที่ดีได้จริงหรือ ?
ทรัพย์สินในโลกนี้ มีหลากหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ทองคำ หุ้นของบริษัท ปตท. ที่ดิน หรือ..เงินดอลลาร์ ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เท่ากัน บิตคอยน์เป็นเพียงเป็นหนึ่งในทรัพย์สิน ที่มีอยู่มากมายในโลกนี้ก็แค่นั้น
สมมุติว่า ผมมีที่ดิน แต่ผมไม่มีทองคำ ไม่มีเงินดอลลาร์ เราจะยึดทองคำจากคนอื่น หรือให้ธนาคารกลางสหรัฐแบ่งเงินดอลลาร์มาแบ่งให้ผม เพื่อผมจะได้มีทองคำ และเงินดอลลาร์เหมือนคนกับอื่นบ้าง การทำแบบนั้นเหมือนการปฏิเสธ ว่าทุกคนมีหน้าตาไม่เหมือนกัน ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การกระทำนี้สำหรับผมแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
หากคุณอยากทราบ ว่า บิตคอยน์ เป็นระบบการเงินได้หรือไม่ ลองอ่านมุมมองดังกล่าวได้จากที่นี่ครับ
https://rightshift.to/2022/siraphop/4608/

ความพยายามที่จะทำให้บิตคอยน์ ลดความไร้ศูนย์กลางลง
ในอดีตที่ผ่านมามีความพยายามที่จะลดทอน ความไร้ศูนย์กลางของบิตคอยน์ อย่างในกรณีของ บิตคอยน์แคช (Bitcoin Cash) ที่เสนอให้เพิ่มขนาดของบล็อกเพื่อให้บรรจุธุรกรรมให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ บิตคอยน์เปลี่ยนจาก พรู๊ฟ-ออฟ-เวิร์ค (Proof of work) ไปเป็น พรู๊ฟ-ออฟ-สเทค (Proof of stake) แต่สุดท้ายแล้ว กลุ่มบิตคอยน์ที่มองเห็นปัญหาที่จะตามมา ก็ไม่ได้ตอบรับขอเสนอดังกล่าว
หากเพิ่มขนาดบล็อก จะทำให้ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น ผู้ที่ต้องการที่จะมีบิตคอยน์โหนดจะต้องพบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น คนที่สามารถมีโหนดก็จะน้อยลง บล็อกที่ใหญ่อาจจะต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น หรือต้องกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Big data center) ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆแล้ว บิตคอยน์จะศูนย์เสียความเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไร้ศูนย์กลางในที่สุด
แต่ ทำไม….บิตคอยน์ ถึงต้องให้ความสำคัญกับ ความไร้ศูนย์กลาง มากมายขนาดนี้ล่ะ ?
ผมขอเสนอ เหตุผลที่ว่า ทำไม ? บิตคอยน์ …จึงต้องไร้ศูนย์กลาง
เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานบิตคอยน์ได้โดยไม่ต้องพึ่ง “ตัวกลาง”
การมี “ตัวกลาง” ที่คอยดูแลระบบการเงิน พวกเขาอาจจะมีนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ให้แก่ใครบางคน โดยเอื้อให้บางกลุ่มได้เงินที่ผลิตใหม่ก่อนใคร อาจละเว้นให้บางคนไม่ต้องปฏิบัติตามกฎทางการเงินบางอย่าง อาจสร้างนโยบายทางการเงินผิดพลาด อย่างที่เกิดในหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา เวเนซูเอล่า เลบานอน อาจจะใช้อำนาจในทางที่ผิดโดยการใช้มันระบบการเงินเป็นอาวุธเพื่อลงโทษคนเห็นต่างทางการเมือง ใช้เพื่อลงโทษประเทศที่ไม่ตัวเองไม่ชอบโดยการคว่ำบาตรตัดออกจากระบบเงินนั้น
ในระบบเงินที่มีตัวกลาง ผู้ที่ใช้งานจะต้องเชื่อมั่นใครบางคน พวกเข้าจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ต้องไว้ใจตัวกลางที่รับฝากเงินของเรา ว่าจะเก็บเงินไว้อย่างปลอดภัย ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายครั้ง ตัวกลางเหล่านี้ไม่ได้เก็บเงินเราไว้ครบจำนวนจริงๆ พวกเขานำเงินฝากของเราไปลงทุนผิดพลาด จนทำให้เงินที่เราฝากเอาไว้…สูญหายไปทั้งหมด

เงินที่ไร้ศูนย์กลาง สร้างความโปร่งใส และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้
ความไร้ศูนย์กลาง ทำให้บิตคอยน์มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกคนสามารถที่จะมีโหนดที่เป็นเหมือนสมุดบัญชีที่มีธุรกรรมทั้งหมดได้เอง เงินในบัญชีถูกเข้ารหัสไว้หลายชั้น มีความปลอดภัย มีกำลังขุดจากทั่วโลกเพื่อคอยป้องกันการแก้ไขธุรกรรมย้อนหลัง หากไม่มีรหัสที่ใช้เป็นกุญแจในการส่งเงินแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาเงินของเราไปได้
ระบบเงินที่ไร้ศูนย์ได้มอบโอกาสทุกคนมีสิทธิเข้ามาใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ชนชาติอะไร มีสีผิวอะไร จะเป็นพ่อพระ หรืออาชญากร ขอแค่มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ สมาร์ทโฟนสักเครื่อง หรือแม้กระทั่ง…สัญญาณควัน ที่สามารถสื่อสารกับระบบบิตคอยน์ได้ มันทำให้บิตคอยน์ เป็นระบบที่ไม่มีเจ้าของ หรือว่าเราจะมองอีกมุมได้ว่า ทุกคนที่เข้ามาใช้งานในระบบเป็นเจ้าของบิตคอยน์นั่นเอง
ผมเชื่อว่า ตัวเงินนั้นเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ มีความเป็นกลาง มันไม่ได้ชั่วร้าย มันไม่ได้มีเชื้อชาติ สีผิวอะไร ถ้าหากคนไม่ดีเอาไปเงินไปใช้งานในทางที่ผิด ตัวเงินไม่ได้มีความผิดอะไร มันเป็นหน้าที่ของผู้พิทักกฎหมายต้องไปจับผู้ร้าย
เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสามารถเข้ามาควบคุม/แทรกแซงการทำงาน และนโยบายทางการเงินของบิตคอยน์
ระบบเงินมาตรฐานทองคำในอดีต ได้ใช้มันในรูปแบบ “เหรียญทองคำ” ที่ประทับตราของจักรพรรดิ เหรียญเหล่านี้สร้างโดยโรงกระสาปน์ที่ถูกใครบางคนควบคุมอยู่ สิ่งนี้เองได้ทำให้เกิดความสะดวกในการค้าขายสินค้า สร้างความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักร แต่ท้ายที่สุดอาณาจักรเหล่านั้นก็ได้ล่มสลายลง มันเกิดขึ้นจากอะไร ? ถ้าให้วิเคราะห์กันจริงๆ ก็สามารถจะถกเถียงถึงสาเหตุกันได้หลายอย่าง แต่สาเหตุสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั้น เกิดจากเหรียญทองคำได้ถูกผลิตมากเกินทองคำที่มีอยู่จริง โดยใช้โลหะที่มีมูลค่าน้อยกว่าลงไปผสมในเหรียญทองคำที่ผลิตขึ้นมาใหม่ เมื่อเหรียญทองคำที่หมุนเวียนในระบบเพิ่มมากขึ้น เหรียญทองคำที่ผู้คนใช้หยาดเหงื่อแรงกายแลกมาก็ถูกด้อยค่าลง ผู้คนยากจนลง ความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ค่อยๆ เกิดขึ้นโดยใช้เวลาหลายร้อยปี
อำนาจการควบคุมการผลิตเงิน มันเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก อำนาจนี้ได้ดึงดูดคนไม่ดีให้อยากครอบครอง ดึงดูดคนให้เข้าไปใกล้แหล่งผลิตเงินเพื่อรับเงินที่ผลิตใหม่ก่อนคนอื่น และเข้าแทรกแซงการผลิตเงินเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
แม้ว่าตอนนี้ เราอาจจะโชคดีได้คนดีเป็นคนควบคุมการผลิตเงิน แต่มนุษย์นั้นมีอายุที่จำกัด สักวันจะต้องมีคนใหม่ขึ้นมาดูแลระบบเงินแทนคนเดิม แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนที่ขึ้นมาใหม่นั้นจะเป็นคนดีเหมือนเดิม ผู้ที่ดูแลการผลิตเงินมักจะถูกคนไม่ดีมาแทรกแซง แล้วเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สุดท้ายตามประวัติศาสตร์หลายพันปีของมนุษย์แล้ว อาณาจักรที่มีสกุลเงินที่ดูแลโดยมนุษย์นั้น ล้วนแต่พบจุดจบที่โหดร้ายกันทั้งนั้น
“อำนาจการผลิตเงินนั้น ไม่ควรอยู่ในมือของมนุษย์ ความไร้ศูนย์กลางนี้เอง ที่ปลดอำนาจนั้นจากเงื้อมมือของมนุษย์ ”

เพื่อความอยู่รอด ไม่ให้ใครสามารถมาทำลายบิตคอยน์ได้
หากมีผู้ที่พยายามสร้างระบบชำระเงินขึ้นมาใหม่ จนมีผู้ใช้งานมากพอที่จะกลายมาเป็นคู่แข่งกับเงินเฟียตที่ยังเรืองอำนาจในปัจจุบัน ระบบเหล่านั้นจะถูกทำลาย พวกเขาจะทำทุกวิถีทางที่จะปิดกั้น หยุดยั้งระบบเงินนั้น พวกเขาทำแบบนั้นเพราะ พวกเขาไม่ชอบให้มีคู่แข่ง ไม่ชอบให้ใครมาสร้างระบบชำระเงินแข่งด้วย และที่ผ่านมา พวกเขาก็จัดการกำจัดระบบการเงินคู่แข่งได้สำเร็จทุกครั้ง
ความสำเร็จในการกำจัดระบบเงินคู่แข่งเกิดจากที่ระบบเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มี ตัวกลาง พวกเขาสามารถใช้กฎหมาย อาจจะใส่ร้าย ว่าเป็นเงินที่อาชญากรใช้เป็นที่ฟอกเงิน เป็นเงินใช้ตลาดมืด “เงินทางเลือก” ที่เคยถูกสร้างมาในอดีตทุกตัว..ถูกทำลายทั้งหมด ไม่เหลือรอด
“ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องเหล่านี้เพิ่มเติม สามารถลองไปหาข้อมูลของ คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี 11110 ( Executive Order 11110) โดย จอห์น เคนเนดี (John F Kennedy) หรือ ระบบการชำระเงินโดยบริษัทเอกชน อี-โกลด์ (e-gold) ว่ามีจุดจบอย่างไร”

เราสามารถอธิบาย "ความสามารถในการอยู่รอด" ว่ามีความสำคัญขนาดไหนด้วย ทฤษฎีกำแพงแห่งการวิวัฒนาการ (The Great Filter)
ทฤษฎีกำแพงแห่งการวิวัฒนาการ ได้อธิบายไว้ว่า เมื่อสิ่งมีชีวิตเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดำเนินไป ในที่สุดจะไปพบปัญหา หรืออุปสรรคอะไรบางอย่างที่ต้องแก้ไขให้ได้ก่อน การพัฒนานั้นถึงจะเริ่มเดินต่อไปได้ อุปสรรคที่ว่านั้น เปรียบเหมือนกับ ว่ามีกำแพงอันหนึ่งที่กั้นเราไว้อยู่ เป็นกำแพงต้องทะลวงเข้าไปให้
“ กำแพงแห่งการวิวัฒนาการ ของสกุลเงินดิจิทัล คือ ความสามารถในเอาตัวรอดทั้งจากการโจมตีของรัฐบาลต่างๆ และการถูกแทรกแซงโดยมนุษย์”
SecretmanDF

อนาคตของเงินดิจิทัลที่ “มีศูนย์กลาง”
ในระยะยาวแล้ว ผมคิดว่าบิตคอยน์จะเป็นเงินดิจิทัลเดียวที่จะอยู่รอด หากคุณได้ลองดูประวัติเงินดิจิทัลที่ติด 10 อันดับแรกในแต่ละปี นอกจากบิตคอยน์แล้ว คุณจะเห็นว่าอันดับอื่นๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำไมกันล่ะ ?
ผมคิดสาเหตุนั้นมาจาก ผู้สร้างเหรียญดิจิทัลเหล่านั้นไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความไร้ศูนย์กลางมันสำคัญอย่างไร และสำคัญมากขนาดไหน ลองหลับตาแล้วนึกภาพดูว่าอีก 10 ปีเงินที่ยังมีศูนย์กลางเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร จะมีข้อห้าม ข้อกำหนดกฎเกณฑ์เป็นอย่างไร นโยบายทางการเงินมีอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน คุณไม่มีทางที่จะคาดเดาได้เลย!
นอกจากนี้ เราเห็นสกุลเงินดิจิทัลบางเหรียญเริ่มถูกแทรกแซงนโยบายบางอย่างกันบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การระงับบางธุรกรรมตามคำสั่งคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐ และคำสั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์ม ทอร์นาโด แคช ( Tornado Cash ) เป็นต้น
“ หากบิตคอยน์ไม่มีความไร้ศูนย์กลาง ก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะถูกใครบางคนเข้ามาแทรกแซงในที่สุด ”
SecretmanDF
บทสรุป
การที่บิตคอยน์นั้นไร้ศูนย์กลาง ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากต้องการจะกระตุ้น หรือชะลอเศรษฐกิจเหมือนอย่างที่รัฐบาลทำ ส่วนตัว ผมมองว่าประโยชน์จากความไร้ศูนย์กลางเมื่อเทียบกับข้อเสียแล้ว..มันคุ้มค่าอย่างมาก
บิตคอยน์สร้างระบบให้คนสามารถเขาถึงระบบการเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในประเทศที่มีระบบการเงินล้มเหลว ประเทศที่กฎหมาย ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงมีบัญชีธนาคารได้ ประเทศที่ไม่สามารถติดต่อค้ากับประเทศอื่นๆ เนื่องจากถูกคว่ำบาตรไม่สามารถใช้ระบบเงินดอลลาร์ได้ นอกจากนี้มันทำให้ให้คุณสามารถที่จะมั่นใจได้ว่า บิตคอยน์จะสามารถเอาตัวรอดจากการโจมตีต่างๆไม่ว่าจากใครก็ตาม และ ที่สำคัญที่สุดนโยบายการเงินของบิตคอยน์ เช่น การลดอัตราผลิตทุก 4 ปี จำนวนบิตคอยน์ที่ผลิตได้จะมีมากที่สุดแค่ 21 ล้านเหรียญ มันจะยังอยู่เหมือนเดิม บิตคอยน์จึงเป็นเงินที่ คุณสามารถครอบครองไว้แล้ว นอนหลับสบายไร้ความกังวล มันจะอยู่แบบนั้นตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่สิบปี
แถม! ถ้าเราเป็นผู้ที่ผลิตเงินตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดีกับเงินที่หยุดยั้งไม่ได้อันนี้?
สถานการณ์ในตอนนี้ เกิดเงินดิจิทัลเกิดขึ้นมากมาย จนทุกคนน่าจะรู้ดีกันแล้ว ว่าไม่มีทางที่จะหยุดกระแสของเงินดิจิทัลได้อีกต่อไป ทางออก คือ สร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองออกมา (ฺCBDC) และถ้าหากไม่สำเร็จ แน่นอนว่าไม่สามารถแทรกแซงบิตคอยน์ได้ ก็จะใช้วิธีเข้าไปครอบงำสกุลเงินดิจิทัลเอกชนที่เป็นผู้ชนะอันดับที่ 2 แทน
2 Comments
ดีมากเลย ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ❤️