No products in the cart.

Economic

วิกฤตในเลบานอน
ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงินของประเทศเลบานอน คนในประเทศเขารับมือกันอย่างไร? ถ้าคุณอยากรู้ล่ะก็เข้ามาอ่านกันได้เลย
ระบบการเงินที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน ต้องอาศัยความเชื่อใจธนาคารในการรับส่งเงิน ต้องไว้ใจธนาคารกลางในการผลิตเงินว่าจะผลิตเงินได้เหมาะสม ไม่ด้อยค่าเงินเก็บของคนในระบบ เราสามารถใช้ธนบัตรได้ในบางครั้ง แต่ในการส่งเงินในระยะทางไกลๆ เราเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเอาเงินไปฝากไว้กับธนาคารเหล่านี้
บิตคอยน์สามารถส่งมูลค่าจากบุคคลสู่บุคคลได้ โดยไม่ต้องเชื่อใจใคร ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ไม่มีที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบริษัทที่ต้องคอยดูแลระบบ การตรวจสอบธุรกรรมในบัญชีกระทำโดยผู้ที่มีสมุดบัญชีที่บันทึกข้อมูลธุรกรรม หรือที่เราเรียกกันว่า โหนด (Node) และ ผู้บันทึกบัญชีกระทำโดยมายเนอร์ (miner) ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วโลกจำนวนหลายหมื่นหลายแสน
ความไร้ศูนย์กลางนี้ เกิดขึ้นได้ เพราะมีปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การกระจายตัวของโหนด, ผู้รันโหนดสามารถเลือกโหนดเวอร์ชั่นไหนก็ได้โดยที่ทุกเวอร์ชั่นสามารถทำงานร่วมกันได้, ไม่มีที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์, ไม่มีเจ้าของ, ความง่ายและค่าใช้จ่ายในการรันโหนดที่ต่ำ, การเปิดให้ทุกคนเข้าร่วมขุดบิตคอยน์ได้อย่างเสรี การกระจายตัวของกำลังขุด เป็นต้น...ถ้ามีโอกาสจะขยายความ แต่ละปัจจัยเหล่านี้อย่างละเอียดอีกทีนะครับ
คำว่า ความไร้ศูนย์กลาง ( Decentralization ) นี้ ยังมีหลายคนยังมีความสับสน กับคำว่า การกระจายความมั่งคั่ง
(Distribution of wealth) การกระจายความมั่งคั่ง หมายถึง การกระจายตัวของบิตคอยน์ไปยังผู้ใช้งานแต่ละคน บิตคอยน์ไม่สามารถแบ่งให้ทุกคนเท่ากัน บางคนอาจจะมีมาก บางคนอาจจะมีน้อย หรือบางคนอาจจะไม่มีเลยก็ได้
ทรัพย์สินในโลกนี้ มีหลากหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ทองคำ หุ้นของบริษัท ปตท. ที่ดิน หรือ..เงินดอลลาร์ ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เท่ากัน บิตคอยน์เป็นเพียงเป็นหนึ่งในทรัพย์สิน ที่มีอยู่มากมายในโลกนี้ก็แค่นั้น
สมมุติว่า ผมมีที่ดิน แต่ผมไม่มีทองคำ ไม่มีเงินดอลลาร์ เราจะยึดทองคำจากคนอื่น หรือให้ธนาคารกลางสหรัฐแบ่งเงินดอลลาร์มาแบ่งให้ผม เพื่อผมจะได้มีทองคำ และเงินดอลลาร์เหมือนคนกับอื่นบ้าง การทำแบบนั้นเหมือนการปฏิเสธ ว่าทุกคนมีหน้าตาไม่เหมือนกัน ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การกระทำนี้สำหรับผมแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
หากคุณอยากทราบ ว่า บิตคอยน์ เป็นระบบการเงินได้หรือไม่ ลองอ่านมุมมองดังกล่าวได้จากที่นี่ครับ
https://rightshift.to/2022/siraphop/4608/
ในอดีตที่ผ่านมามีความพยายามที่จะลดทอน ความไร้ศูนย์กลางของบิตคอยน์ อย่างในกรณีของ บิตคอยน์แคช (Bitcoin Cash) ที่เสนอให้เพิ่มขนาดของบล็อกเพื่อให้บรรจุธุรกรรมให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ บิตคอยน์เปลี่ยนจาก พรู๊ฟ-ออฟ-เวิร์ค (Proof of work) ไปเป็น พรู๊ฟ-ออฟ-สเทค (Proof of stake) แต่สุดท้ายแล้ว กลุ่มบิตคอยน์ที่มองเห็นปัญหาที่จะตามมา ก็ไม่ได้ตอบรับขอเสนอดังกล่าว
หากเพิ่มขนาดบล็อก จะทำให้ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น ผู้ที่ต้องการที่จะมีบิตคอยน์โหนดจะต้องพบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น คนที่สามารถมีโหนดก็จะน้อยลง บล็อกที่ใหญ่อาจจะต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น หรือต้องกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Big data center) ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆแล้ว บิตคอยน์จะศูนย์เสียความเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไร้ศูนย์กลางในที่สุด
แต่ ทำไม….บิตคอยน์ ถึงต้องให้ความสำคัญกับ ความไร้ศูนย์กลาง มากมายขนาดนี้ล่ะ ?
ผมขอเสนอ เหตุผลที่ว่า ทำไม ? บิตคอยน์ …จึงต้องไร้ศูนย์กลาง
การมี “ตัวกลาง” ที่คอยดูแลระบบการเงิน พวกเขาอาจจะมีนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ให้แก่ใครบางคน โดยเอื้อให้บางกลุ่มได้เงินที่ผลิตใหม่ก่อนใคร อาจละเว้นให้บางคนไม่ต้องปฏิบัติตามกฎทางการเงินบางอย่าง อาจสร้างนโยบายทางการเงินผิดพลาด อย่างที่เกิดในหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา เวเนซูเอล่า เลบานอน อาจจะใช้อำนาจในทางที่ผิดโดยการใช้มันระบบการเงินเป็นอาวุธเพื่อลงโทษคนเห็นต่างทางการเมือง ใช้เพื่อลงโทษประเทศที่ไม่ตัวเองไม่ชอบโดยการคว่ำบาตรตัดออกจากระบบเงินนั้น
ในระบบเงินที่มีตัวกลาง ผู้ที่ใช้งานจะต้องเชื่อมั่นใครบางคน พวกเข้าจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ต้องไว้ใจตัวกลางที่รับฝากเงินของเรา ว่าจะเก็บเงินไว้อย่างปลอดภัย ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายครั้ง ตัวกลางเหล่านี้ไม่ได้เก็บเงินเราไว้ครบจำนวนจริงๆ พวกเขานำเงินฝากของเราไปลงทุนผิดพลาด จนทำให้เงินที่เราฝากเอาไว้…สูญหายไปทั้งหมด
ความไร้ศูนย์กลาง ทำให้บิตคอยน์มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกคนสามารถที่จะมีโหนดที่เป็นเหมือนสมุดบัญชีที่มีธุรกรรมทั้งหมดได้เอง เงินในบัญชีถูกเข้ารหัสไว้หลายชั้น มีความปลอดภัย มีกำลังขุดจากทั่วโลกเพื่อคอยป้องกันการแก้ไขธุรกรรมย้อนหลัง หากไม่มีรหัสที่ใช้เป็นกุญแจในการส่งเงินแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาเงินของเราไปได้
ระบบเงินที่ไร้ศูนย์ได้มอบโอกาสทุกคนมีสิทธิเข้ามาใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ชนชาติอะไร มีสีผิวอะไร จะเป็นพ่อพระ หรืออาชญากร ขอแค่มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ สมาร์ทโฟนสักเครื่อง หรือแม้กระทั่ง…สัญญาณควัน ที่สามารถสื่อสารกับระบบบิตคอยน์ได้ มันทำให้บิตคอยน์ เป็นระบบที่ไม่มีเจ้าของ หรือว่าเราจะมองอีกมุมได้ว่า ทุกคนที่เข้ามาใช้งานในระบบเป็นเจ้าของบิตคอยน์นั่นเอง
ผมเชื่อว่า ตัวเงินนั้นเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ มีความเป็นกลาง มันไม่ได้ชั่วร้าย มันไม่ได้มีเชื้อชาติ สีผิวอะไร ถ้าหากคนไม่ดีเอาไปเงินไปใช้งานในทางที่ผิด ตัวเงินไม่ได้มีความผิดอะไร มันเป็นหน้าที่ของผู้พิทักกฎหมายต้องไปจับผู้ร้าย
ระบบเงินมาตรฐานทองคำในอดีต ได้ใช้มันในรูปแบบ “เหรียญทองคำ” ที่ประทับตราของจักรพรรดิ เหรียญเหล่านี้สร้างโดยโรงกระสาปน์ที่ถูกใครบางคนควบคุมอยู่ สิ่งนี้เองได้ทำให้เกิดความสะดวกในการค้าขายสินค้า สร้างความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักร แต่ท้ายที่สุดอาณาจักรเหล่านั้นก็ได้ล่มสลายลง มันเกิดขึ้นจากอะไร ? ถ้าให้วิเคราะห์กันจริงๆ ก็สามารถจะถกเถียงถึงสาเหตุกันได้หลายอย่าง แต่สาเหตุสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั้น เกิดจากเหรียญทองคำได้ถูกผลิตมากเกินทองคำที่มีอยู่จริง โดยใช้โลหะที่มีมูลค่าน้อยกว่าลงไปผสมในเหรียญทองคำที่ผลิตขึ้นมาใหม่ เมื่อเหรียญทองคำที่หมุนเวียนในระบบเพิ่มมากขึ้น เหรียญทองคำที่ผู้คนใช้หยาดเหงื่อแรงกายแลกมาก็ถูกด้อยค่าลง ผู้คนยากจนลง ความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ค่อยๆ เกิดขึ้นโดยใช้เวลาหลายร้อยปี
อำนาจการควบคุมการผลิตเงิน มันเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก อำนาจนี้ได้ดึงดูดคนไม่ดีให้อยากครอบครอง ดึงดูดคนให้เข้าไปใกล้แหล่งผลิตเงินเพื่อรับเงินที่ผลิตใหม่ก่อนคนอื่น และเข้าแทรกแซงการผลิตเงินเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
แม้ว่าตอนนี้ เราอาจจะโชคดีได้คนดีเป็นคนควบคุมการผลิตเงิน แต่มนุษย์นั้นมีอายุที่จำกัด สักวันจะต้องมีคนใหม่ขึ้นมาดูแลระบบเงินแทนคนเดิม แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนที่ขึ้นมาใหม่นั้นจะเป็นคนดีเหมือนเดิม ผู้ที่ดูแลการผลิตเงินมักจะถูกคนไม่ดีมาแทรกแซง แล้วเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สุดท้ายตามประวัติศาสตร์หลายพันปีของมนุษย์แล้ว อาณาจักรที่มีสกุลเงินที่ดูแลโดยมนุษย์นั้น ล้วนแต่พบจุดจบที่โหดร้ายกันทั้งนั้น
“อำนาจการผลิตเงินนั้น ไม่ควรอยู่ในมือของมนุษย์ ความไร้ศูนย์กลางนี้เอง ที่ปลดอำนาจนั้นจากเงื้อมมือของมนุษย์ ”
หากมีผู้ที่พยายามสร้างระบบชำระเงินขึ้นมาใหม่ จนมีผู้ใช้งานมากพอที่จะกลายมาเป็นคู่แข่งกับเงินเฟียตที่ยังเรืองอำนาจในปัจจุบัน ระบบเหล่านั้นจะถูกทำลาย พวกเขาจะทำทุกวิถีทางที่จะปิดกั้น หยุดยั้งระบบเงินนั้น พวกเขาทำแบบนั้นเพราะ พวกเขาไม่ชอบให้มีคู่แข่ง ไม่ชอบให้ใครมาสร้างระบบชำระเงินแข่งด้วย และที่ผ่านมา พวกเขาก็จัดการกำจัดระบบการเงินคู่แข่งได้สำเร็จทุกครั้ง
ความสำเร็จในการกำจัดระบบเงินคู่แข่งเกิดจากที่ระบบเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มี ตัวกลาง พวกเขาสามารถใช้กฎหมาย อาจจะใส่ร้าย ว่าเป็นเงินที่อาชญากรใช้เป็นที่ฟอกเงิน เป็นเงินใช้ตลาดมืด “เงินทางเลือก” ที่เคยถูกสร้างมาในอดีตทุกตัว..ถูกทำลายทั้งหมด ไม่เหลือรอด
“ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องเหล่านี้เพิ่มเติม สามารถลองไปหาข้อมูลของ คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี 11110 ( Executive Order 11110) โดย จอห์น เคนเนดี (John F Kennedy) หรือ ระบบการชำระเงินโดยบริษัทเอกชน อี-โกลด์ (e-gold) ว่ามีจุดจบอย่างไร”
ทฤษฎีกำแพงแห่งการวิวัฒนาการ ได้อธิบายไว้ว่า เมื่อสิ่งมีชีวิตเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดำเนินไป ในที่สุดจะไปพบปัญหา หรืออุปสรรคอะไรบางอย่างที่ต้องแก้ไขให้ได้ก่อน การพัฒนานั้นถึงจะเริ่มเดินต่อไปได้ อุปสรรคที่ว่านั้น เปรียบเหมือนกับ ว่ามีกำแพงอันหนึ่งที่กั้นเราไว้อยู่ เป็นกำแพงต้องทะลวงเข้าไปให้
“ กำแพงแห่งการวิวัฒนาการ ของสกุลเงินดิจิทัล คือ ความสามารถในเอาตัวรอดทั้งจากการโจมตีของรัฐบาลต่างๆ และการถูกแทรกแซงโดยมนุษย์”
SecretmanDF
ในระยะยาวแล้ว ผมคิดว่าบิตคอยน์จะเป็นเงินดิจิทัลเดียวที่จะอยู่รอด หากคุณได้ลองดูประวัติเงินดิจิทัลที่ติด 10 อันดับแรกในแต่ละปี นอกจากบิตคอยน์แล้ว คุณจะเห็นว่าอันดับอื่นๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำไมกันล่ะ ?
ผมคิดสาเหตุนั้นมาจาก ผู้สร้างเหรียญดิจิทัลเหล่านั้นไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความไร้ศูนย์กลางมันสำคัญอย่างไร และสำคัญมากขนาดไหน ลองหลับตาแล้วนึกภาพดูว่าอีก 10 ปีเงินที่ยังมีศูนย์กลางเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร จะมีข้อห้าม ข้อกำหนดกฎเกณฑ์เป็นอย่างไร นโยบายทางการเงินมีอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน คุณไม่มีทางที่จะคาดเดาได้เลย!
นอกจากนี้ เราเห็นสกุลเงินดิจิทัลบางเหรียญเริ่มถูกแทรกแซงนโยบายบางอย่างกันบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การระงับบางธุรกรรมตามคำสั่งคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐ และคำสั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์ม ทอร์นาโด แคช ( Tornado Cash ) เป็นต้น
“ หากบิตคอยน์ไม่มีความไร้ศูนย์กลาง ก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะถูกใครบางคนเข้ามาแทรกแซงในที่สุด ”
SecretmanDF
การที่บิตคอยน์นั้นไร้ศูนย์กลาง ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากต้องการจะกระตุ้น หรือชะลอเศรษฐกิจเหมือนอย่างที่รัฐบาลทำ ส่วนตัว ผมมองว่าประโยชน์จากความไร้ศูนย์กลางเมื่อเทียบกับข้อเสียแล้ว..มันคุ้มค่าอย่างมาก
บิตคอยน์สร้างระบบให้คนสามารถเขาถึงระบบการเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในประเทศที่มีระบบการเงินล้มเหลว ประเทศที่กฎหมาย ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงมีบัญชีธนาคารได้ ประเทศที่ไม่สามารถติดต่อค้ากับประเทศอื่นๆ เนื่องจากถูกคว่ำบาตรไม่สามารถใช้ระบบเงินดอลลาร์ได้ นอกจากนี้มันทำให้ให้คุณสามารถที่จะมั่นใจได้ว่า บิตคอยน์จะสามารถเอาตัวรอดจากการโจมตีต่างๆไม่ว่าจากใครก็ตาม และ ที่สำคัญที่สุดนโยบายการเงินของบิตคอยน์ เช่น การลดอัตราผลิตทุก 4 ปี จำนวนบิตคอยน์ที่ผลิตได้จะมีมากที่สุดแค่ 21 ล้านเหรียญ มันจะยังอยู่เหมือนเดิม บิตคอยน์จึงเป็นเงินที่ คุณสามารถครอบครองไว้แล้ว นอนหลับสบายไร้ความกังวล มันจะอยู่แบบนั้นตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่สิบปี
สถานการณ์ในตอนนี้ เกิดเงินดิจิทัลเกิดขึ้นมากมาย จนทุกคนน่าจะรู้ดีกันแล้ว ว่าไม่มีทางที่จะหยุดกระแสของเงินดิจิทัลได้อีกต่อไป ทางออก คือ สร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองออกมา (ฺCBDC) และถ้าหากไม่สำเร็จ แน่นอนว่าไม่สามารถแทรกแซงบิตคอยน์ได้ ก็จะใช้วิธีเข้าไปครอบงำสกุลเงินดิจิทัลเอกชนที่เป็นผู้ชนะอันดับที่ 2 แทน
** ทุกบาทหรือทุกซาโตชิที่ donate จะถูกส่งเข้ากระเป๋าของผู้เขียนโดยตรงครับ :) **
ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงินของประเทศเลบานอน คนในประเทศเขารับมือกันอย่างไร? ถ้าคุณอยากรู้ล่ะก็เข้ามาอ่านกันได้เลย
บิตคอยน์ไม่เหมือนชิตคอยน์ แล้วทำไมต้องเป็นบิตคอยน์? ก่อนที่เราจะเริ่มพิจารณาเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ ก็ควรแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันให้เป็นเสียก่อน ถ้าคุณอยากรู้ว่ามันต่างกันอย่างไรแล้วล่ะก็ ตามผมมาได้เลย!
เมื่อการปฏิวัติทางเทคโนโลยีได้กำเนิดขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะกระจายไปสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก เป็นการดีที่สุดหากได้เป็นกลุ่มผู้ใช้งานยุคเริ่มแรก กลุ่มผู้ใช้งานเหล่านั้นจะรับเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ก่อนใคร และในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับข้อได้เปรียบอันเยี่ยมยอดบางอย่าง ที่กลุ่มคนอื่นบนโลกไม่มีโอกาสได้รับ
ระบบเงินเฟียตเกี่ยวข้องกับชีวิต และสังคมเราในหลายมิติ หัวข้อเหล่านี้ไม่ได้แสดงถึงภาพทั้งหมดของความเลวร้ายในระบบเงินเฟียต ผมแค่หยิบยกบางหัวข้อที่ผมอยากจะให้ทุกท่านได้เห็นภาพกันคร่าวๆ ว่ามันหยั่งรากลึกทำลายสังคม และทำร้ายผู้คนได้มากขนาดไหน
The dissemination of knowledge about Bitcoin was a driving force behind the foundation of Right Shift. Our mission is to become the go-to source for information and digital media in the marketplace.
A ton of books and other works are included. We make a wide variety of products under the Right Shift & Piranha33 label.
Copyright © 2022 – Right Shift Company Limited. All rights reserved
2 Comments
ดีมากเลย ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ❤️