Picture of K.C.Shai

K.C.Shai

นักคิด นักเขียน อิสระ ถนัดคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ลดความเสี่ยงของการจด Seed ด้วยการจำ Seed

เมื่อคุณได้รับรู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้แล้ว คุณอาจพิจารณาเลือกวิธี “จำ” เพื่อเก็บรักษา Seed Phrase และบิตคอยน์ของคุณให้ปลอดภัย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้แชร์ความคิดเห็นว่าโดยส่วนตัวแล้วผมใช้วิธี “จำ Seed Phrase 24 คำ” แต่ผู้คนส่วนใหญ่ทักท้วงและไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าคนเราอาจจะลืมได้ หรืออาจจะเสียความจำด้วยโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์เมื่อยามแก่เฒ่าได้ หรือแม้แต่อาจเสียชีวิตลง โดยที่ยังไม่ทันได้บอก Seed Phrase กับใคร

ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมเข้าใจได้ เพราะเท่าที่ศึกษามายังไม่เคยมีใครที่สอนให้เก็บ Seed Phrase ด้วยการจำ ด้วยเหตุผลที่ว่าสักวันหนึ่งเราอาจลืมคำสักคำหรือแม้แต่ลืมลำดับของคำใน Seed Phrase ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลว่าหลงลืมเอง หรือด้วยภาวะของโรคบางอย่างที่กระทบความทรงจำ หรือคุณอาจจะสูญเสียความสามารถในการสื่อสารทางการพูด การเขียน หรือแม้แต่ทักษะการกลอกดวงตาไปมาเพื่อเลื่อนหาตัวอักษร อย่างกรณีของฌ็อง-โดมินิก โบบี้ (Jean-Dominique Bauby) ผู้แต่งหนังสือ “ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ” (Le Scaphandre Et Le Papillon) ทั้งที่ร่างกายเป็นอัมพาตทั้งตัว เหลือเพียงการใช้ตาข้างซ้ายกลอกไปมาเพื่อเขียนหนังสือด้วยวิธีการที่อุตสาหะเกินจินตนาการของคนทั่วไป หรือกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือคุณตายไปพร้อมความจำนั้น ทำให้เงินในกระเป๋าบิตคอยน์หรือเหรียญคริปโทฯ ของคุณล่องลอยอยู่ในโลกไซเบอร์สเปซ (Cyberspace) ไปตลอดกาล โดยไม่มีใครเข้าถึงได้

แต่ผมก็ยังขอยืนยันว่า “การจำ Seed” นั้นมีประโยชน์และไม่มีโทษอันใด หากคุณใช้คู่กับ “การจด Seed”

ตรงกันข้าม มันกลับจะทำให้ทรัพย์สินดิจิทัลของคุณปลอดภัยมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยผมจะมาอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้มองเห็นข้อดีของการจำ Seed และข้อเสียของการจด Seed กันครับ (ผมขอแทนคำว่า Seed Phrase ด้วย Seed เพื่อความสั้นกระชับนะครับ)

อันที่จริงแล้ว ผมเองก็ไม่ได้ใช้วิธีจำ Seed อย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยงตามที่เกริ่นไปแล้วในย่อหน้าแรก แต่ผมใช้การจำเพื่ออุดช่องว่างอันเกิดจากความเสี่ยงของการจดนั่นเอง

พวก Seed ที่จดไว้ในวัสดุต่าง ๆ อันที่จริงก็มีความเสี่ยงของมันเหมือนกัน เพราะมีโอกาสที่จะสูญหาย โดนทำลาย หรือถูกขโมยได้ จริงอยู่ว่าระดับความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้จด Seed ก็มีความสำคัญ วัสดุประเภทโลหะที่ทนต่อความร้อนสูง การกัดกร่อน การเกิดสนิม แรงอัด และแรงบีบย่อมมีความคงทนมากกว่ากระดาษ แต่สิ่งของพวกนี้ไม่อาจป้องกันการถูกขโมยได้ ในขณะที่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดที่จะสามารถขโมยความทรงจำจากสมองของคุณได้โดยตรง จะมีก็แต่การถูกล่อลวงให้เผยความทรงจำออกมาด้วยเล่ห์กลวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น ใช้ยากล่อมประสาท การหลอกลวงด้วยเทคนิค Social Engineering หรือวิธีการล่อลวงด้วยหลักจิตวิทยา เป็นต้น

แต่ความเสี่ยงจำพวกนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากการที่คุณอาจถูกล่อลวงให้ส่ง Hardware Wallet บอกรหัสผ่าน หรือบอก Seed ที่จดไว้ให้กับผู้ร้าย ดังนั้นความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงจึงถือว่ามีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นการจดหรือการจำ

ข้อดีของการจำ Seed

คือคุณสามารถพกพา Seed ของคุณไปทุกที่ โดยไม่มีใครล่วงรู้ได้อย่างแท้จริง ตราบใดก็ตามที่สมองยังอยู่กับคุณ และสมองนั้นไม่ทรยศคุณด้วยการเสื่อมสภาพไปเสียก่อน ในขณะที่ความเสี่ยงที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งของอุปกรณ์จด Seed และ Hardware Wallet คือ ในยามเกิดสงคราม เกิดภัยพิบัติ หรือเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงขั้นรุนแรง จนทำให้ผู้คนจ้องที่จะฉกชิงทรัพย์สินไปจากคุณ เมื่อคุณต้องหนีก็มีโอกาสที่จะถูกจับ ถูกดักสกัด และถูกค้นตัว ไม่ว่าจะโดยทหารฝ่ายเดียวกัน ฝ่ายตรงข้าม หรือพวกโจร

มันแปลว่าคุณมีโอกาสที่จะสูญเสียอุปกรณ์จด Seed และ Hardware Wallet ไปได้ หากคุณไม่ได้เก็บซ่อนเอาไว้ให้ดี

แต่การจำก็มีความเสี่ยงลักษณะนี้เช่นกัน เพราะเมื่อมีคนรู้ว่าคุณมีบิตคอยน์ เขาอาจจะใช้อาวุธมาข่มขู่คุณหรือคนที่คุณรัก เพื่อบังคับให้คุณบอก Seed ออกมา (หรือง่ายกว่านั้นคือบังคับให้คุณโอนบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ให้เขาเลย) แต่ถึงอย่างไรการจำ Seed ไว้ในหัวก็ไม่เป็นการแสดงออกอย่างโจ๋งครึ่มให้ใครรู้ว่าคุณมีบิตคอยน์หรือเหรียญคริปโทฯ อื่น ๆ อยู่ในครอบครอง แตกต่างจากการมีอุปกรณ์จด Seed หรือ Hardware Wallet ติดตัว เพราะในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คนร้ายมักจ้องที่จะฉกชิงเอาแต่สิ่งของหรือทรัพย์สินภายนอกที่พวกเขาค้นเจอ

ข้อจำกัดบางประการของการจด Seed

การที่อุปกรณ์จด Seed จำเป็นต้องถูกเก็บไว้ในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่คอยพันธนาการคุณให้ต้องกลับไป ณ ที่แห่งนั้นเพื่อเอาอุปกรณ์จด Seed ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คุณจะไม่สามารถทิ้งอุปกรณ์จด Seed นั้นไว้ได้ ด้วยเหตุผลที่คุณต้องใช้มันเพื่อเข้าถึงบิตคอยน์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ และคุณไม่ต้องการให้ใครได้ Seed นั้นไปก่อนคุณจะกลับไปเข้าถึงมัน

แต่คุณอาจเจอเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้สถานที่แห่งนั้นไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่น ดินถล่มทับบ้าน เกิดรอยแยกของแผ่นดินจนบ้านของคุณถูกธรณีสูบไปทั้งหลัง มีผู้ก่อการร้าย กองกำลังข้าศึก หรือโจรยึดบ้านของคุณไปเป็นฐานปฏิบัติการ หรือเขตพื้นที่รอบบ้านของคุณถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ชีวภาพ รังสี เคมี และไฟไหม้จนทุกอย่างกลายเป็นกองเถ้าถ่านทับถมกัน

หรือแม้แต่ในกรณีที่เกิดเหตุร้ายขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว คุณอาจต้องรีบหนีออกจากบ้านเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน หรือคุณอาจจะได้รับบาดเจ็บและหมดสติจนไม่มีโอกาสได้เก็บอุปกรณ์จด Seed หรือ Hardware Wallet ของคุณออกมาด้วย คุณอาจจะต้องนอนพักในโรงพยาบาลไปอีกหลายวัน โดยที่ไม่มีโอกาสได้กลับไปที่ซากบ้านของคุณ ระหว่างนั้นก็อาจจะมีคนอื่น ๆ ไปค้นเจอทรัพย์สินและของมีค่าของคุณ และอาจได้ Seed หรือ Hardware Wallet ไปก่อนคุณก็เป็นได้

บางครั้งเหตุการณ์ที่คุณสูญเสียอุปกรณ์จด Seed อาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด

เช่น คนที่บ้านเอาอุปกรณ์เก็บ Seed ของคุณไปทิ้งถังขยะ เพราะคุณเก็บมันไว้รวมกับสิ่งอื่น เช่น เก็บไว้ในหนังสือที่เจาะด้านในกลวง เก็บไว้ใต้เฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ที่คนในบ้านพร้อมจะนำไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่า หรือเก็บไว้ด้านหลังรูปในอัลบั้มภาพ ฯลฯ

จริงอยู่ว่าตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมาคงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทย แต่คุณลองจินตนาการว่าถ้าคุณเกิดและเติบโตในพื้นที่อย่างประเทศซีเรีย ซูดาน หรือปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบมาอย่างยาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าพื้นที่ที่คุณอยู่จะปลอดภัยได้ถึงเมื่อไหร่ หรือจินตนาการถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรง เช่น สึนามิที่ญี่ปุ่นซึ่งทุกอย่างถูกกวาดหายไปกับน้ำทะเล  และพื้นที่ละแวกบ้านคุณต้องปนเปื้อนไปด้วยกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ทำให้คุณไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่นั้นได้ เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิต หรือหากเกิดเหตุการณ์ตึกถล่มแบบประเทศตุรเคีย ที่กองเศษซากปรักหักพังทับถมกองกันอยู่จนเข้าถึงตู้เซฟหรือที่เก็บ Seed ไม่ได้

เมื่อจินตนาการถึงเหตุร้ายเหล่านี้ คุณอาจจะค้นพบว่า “แค่จำก็คงไม่เสียหายอะไร”

และหากมีใครเลือกที่จะจำ Seed เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ว่าโอกาสที่เหตุการณ์ข้างต้นจะเกิดขึ้นมีน้อยนิดเพียงใด แต่ความเสี่ยงก็คือความเสี่ยง คงไม่มีใครกล้ารับประกัน 100% ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงเลือกวิธีจำ Seed ไว้เป็นที่พึ่งสุดท้าย (The Last Resort) เพื่อเป็นการรับประกันว่าตราบใดที่สมองผมยังไม่เสื่อม ผมจะยังจำ Seed ของผมได้เสมอ

แต่แน่นอนว่าผมก็ต้องมีการจดบันทึก เพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าสมองผมเสื่อมไป หรือถ้าหากผมเป็นอะไรไป คนที่ผมตั้งใจจะให้รับมรดกจะยังได้รับ Seed ของผมเช่นเดียวกัน

การจำจะทำให้คุณปลดพันธนาการของตัวเองออกจากอุปกรณ์จด Seed ได้มากขึ้น เช่น เมื่อคุณอยู่ในเหตุการณ์คับขันหรือจวนตัว คุณสามารถที่จะทำลาย Seed ของคุณได้ทันทีโดยไม่ลังเล เพราะตราบใดที่สมองคุณและอุปกรณ์เอาท์พุตในร่างกายคุณ เช่น กล่องเสียง ลิ้น และปากที่ใช้ในการพูด หรือมือและเท้าที่ใช้ในการเขียนยังไม่ถูกทำลาย คุณก็สามารถทำสำเนา Seed ลงในอุปกรณ์จดบันทึกกี่ครั้งก็ได้

หรือคุณอาจจะจินตนาการไปให้ล้ำลึกกว่านั้น ด้วยการออกแบบกลไกให้ Seed สามารถทำลายตัวเองเมื่อมีคนตั้งใจจะงัดแงะที่เก็บ Seed ของคุณ เช่น การปล่อยน้ำกรดหรือจุดไฟมาทำลายกระดาษจด Seed หรือออกแบบให้ใช้แสงเลเซอร์ทำลายผิวหน้าของอุปกรณ์จด Seed ที่เป็นโลหะทันที โดยไม่ต้องกลัวว่าคุณจะทำ Seed หายไปตลอดกาล

คุณอาจจะบอกว่าคุณสามารถจำกัดความเสี่ยงข้างต้นได้ด้วยการเก็บ Seed ชุดเดียวกันไว้ในหลาย ๆ ที่ หรือการทำ Multi-Sig หรือแยกเก็บ Seed ไว้เป็นส่วน ๆ แล้วก็ตาม

แต่แน่นอนว่าการมีที่เก็บ Seed หลายที่ก็จะเพิ่มจุดเสี่ยงของความล้มเหลว (Point of Failure) มากขึ้นไปอีก

ทำให้คุณจำเป็นต้องป้องกันจุดเสี่ยงแต่ละจุดด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เท่าเทียมกันกับการเก็บ Seed ไว้จุดเดียว ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา Seed เพิ่มมากขึ้นด้วย หรือในกรณีที่คุณแยกเก็บ Seed เป็นส่วน ๆ ไว้หลายที่ การสูญเสียส่วนหนึ่งของ Seed จะส่งผลต่อการเสีย Seed ทั้งชุดนั้นไปด้วย

หรือในกรณีของ Multi-Sig หากคุณเสีย Signature มากไปกว่าที่กำหนดไว้ ก็จะทำให้สูญเสียวอลเล็ทเก็บบิตคอยน์หรือเหรียญคริปโทฯ นั้นไปได้เช่นกัน และแน่นอนว่าหากคุณเป็นคนที่ปฏิเสธเรื่องการจำ Seed คุณอาจจะลืมก็ได้ว่า Seed แต่ละส่วนหรือแต่ละชุดนั้นเก็บอยู่ที่ไหนบ้าง

การจำ Seed ได้อาจช่วยคุณจากสถานการณ์วิกฤติ เช่น Hardware Wallet หรือ Seed หายหรือถูกขโมย คุณก็สามารถใช้ Seed ที่คุณจำได้ย้ายเงินใน Hardware Wallet หรือ Seed ดังกล่าวได้ในทันทีที่รู้ตัว ก่อนที่คนอื่นจะมาขโมยเงินของคุณออกไป

เทคนิคการจำ Seed

เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้คุณคงจะเห็นข้อดีของการจำ Seed และความเสี่ยงของการจด Seed มากขึ้น แต่คุณก็ยังรู้สึกในใจลึก ๆ อยู่ดีว่าใครจะไปจำคำเรียงลำดับ 24 คำได้ แต่ผมขอให้คุณพิจารณาดูข้อเท็จจริงเหล่านี้ก่อน แล้วคุณอาจจะคิดว่าการจำ Seed นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด

เริ่มต้น ผมขอให้คุณลองพิจารณาว่าคุณจำสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่ ถ้าคุณจำได้ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะจำ Seed ได้เช่นกันครับ

ข้อมูลเหล่านี้บางตัวเป็นข้อมูลที่ยาวมาก เช่น ที่อยู่ ซึ่งไม่ว่าจะย้ายที่อยู่สักกี่ครั้ง แต่พอผ่านไปสักระยะคุณก็จะจำที่อยู่ใหม่ได้เอง และบางคนอาจจะจำที่อยู่เก่าที่เคยเติบโตขึ้นมาได้ แม้จะย้ายออกมาตั้งนานแล้ว

ในขณะที่ข้อมูลที่ยาวและไม่ได้เป็นคำ เช่น เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ เราก็ยังจำได้ บางครั้งเรายังจำเบอร์โทรศัพท์บ้านหรืออีเมลแรกในชีวิต (ซึ่งเลิกใช้ไปแล้ว) ได้อยู่เลย บางคนจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟนเก่าได้ และยังมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากที่คุณจำได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ขอแค่นึกถึงก็จะดึงความทรงจำเหล่านั้นออกมาได้ในทันที เช่น สูตรคูณ ชื่อจังหวัด ชื่อประเทศ ชื่อเพื่อน ชนิดของสัตว์ ชื่อต้นไม้ ชื่อดอกไม้ ชื่อนายกฯ ชื่อดารานักร้อง (เช่น บางคนอาจจำชื่อสมาชิกวง BNK48 ได้ทุกคนและทุกรุ่น)

ในส่วนของข้อมูลที่ซับซ้อนและเรียงลำดับกัน เช่น เส้นทางสถานีรถไฟฟ้า หรือเส้นทางเดินรถเมล์ คุณสามารถนึกออกได้เลยว่ารถไฟสายนี้หรือรถเมล์สายนั้นจะวิ่งผ่านสถานีใดหรือย่านใด

สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างกับการจำ Seed ตามลำดับ

ผมขอยก 1 ตัวอย่างเพิ่มเติม นั่นคือในตอนเด็ก ๆ คุณอาจจำได้ว่าเพื่อนของคุณในห้องประมาณ 30 กว่าคน คนไหนนั่งอยู่ตรงไหน นั่งติดกับใคร นั่งแถวที่เท่าไหร่ นั่งใกล้หน้าต่าง ใกล้ประตู หรือใกล้กระดานดำ หรือถ้าคุณเป็นคนอัธยาศัยดีและรู้จักเพื่อนบ้านรอบ ๆ บ้านคุณ เมื่อคุณเดินเข้าบ้านจากปากซอยไปถึงบ้านคุณ คุณจะจำได้ว่าบ้านหลังซ้ายมือนี้เป็นของใคร หลังถัดไปเป็นของใคร บ้านตรงข้ามคุณเป็นของใคร หลังบ้านคุณติดกับบ้านใคร

เราสามารถจำชื่อคนที่อยู่ในบ้านเรียงเป็นหลัง ๆ ตั้งแต่ปากซอยไปจนถึงบ้านเราเองได้เลยหากเรารู้จักคนในบ้านนั้น

ข้อมูลพวกนี้เราสามารถจำได้นานหลายปีโดยไม่ค่อยได้ดึงออกมาใช้ จึงอาจมีการลืมเลือนบ้าง ทั้งที่สิ่งเหล่านี้คุณไม่ได้ตั้งใจจำแต่แรกด้วยซ้ำ แต่ข้อมูลที่ตั้งใจจำ เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน ที่อยู่บ้านเก่า ชื่อญาติที่ล้มหายตายจากไปแล้ว หรือชื่อเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบ ๆ ปี ข้อมูลเหล่านี้ยังถูกจำไว้เป็นข้อมูลที่ถาวร เพียงนึกถึงเมื่อไหร่ก็นึกออกเมื่อนั้น

ดังนั้นผมจึงอยากจะเน้นย้ำว่าอย่าประเมินประสิทธิภาพสมองของตัวคุณเองน้อยเกินไปนัก เราอาจแค่ถูกทำให้เชื่อไปเองว่าสมองเราไม่มีทางจำ Seed ทั้ง 24 คำได้ แต่ข้อเท็จจริงคือคุณกลับจำคำหรือชื่ออะไรต่าง ๆ ได้เป็นพันเป็นหมื่นคำ (บางครั้งก็ในหลากหลายภาษาด้วย) ทั้งที่บางอย่างไม่ได้จำเป็นกับชีวิตด้วยซ้ำ แต่ทำไมกลับจำได้

สิ่งนี้ทำให้น่าคิดว่า Seed 24 คำที่มีความสำคัญกับชีวิต ทำไมเราจะจำไม่ได้ล่ะ

เหมือนกับที่ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ที่รู้ว่าการแต่งหนังสือชุดประดาน้ำและผีเสื้อนั้นสำคัญ และมีความหมายต่อชีวิตของเขามาก เขาจึงตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จ โดยใช้สมองที่ยังใช้การได้อยู่ในการแต่งเรื่องราวขึ้นภายในความคิดของเขา และจดจำทุกตัวอักษรและทุกวรรคตอน เพื่อใช้สายตาส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยคอยยกตัวอักษรให้เขาเลือกไปทีละตัว ซึ่งหากเขาจำเนื้อความที่ต้องการจะสื่อออกไปภายในวันนั้นผิดแม้เพียงคำเดียว คงทำให้การแต่งหนังสือต้องผิดพลาดและแก้ไขได้ยากยิ่ง

สิ่งที่ผมอธิบายไปทั้งหมดนั้นเพื่อสื่อว่า “การจำ” ไม่ใช่สิ่งที่เกินขีดความสามารถของมนุษย์ และมันยังสามารถป้องกันความเสี่ยงจาก “การจดบันทึก” ได้อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นคุณอาจพิจารณาเลือกการจำ Seed เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ ควบคู่ไปกับการจดบันทึก รวมทั้งมองว่าวิธีการนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และไม่ได้แปลกประหลาดแต่อย่างใด

บทความนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว และไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับ Right Shift แต่อย่างใด

K.C.Shai

นักคิด นักเขียน อิสระ ถนัดคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

** ทุกบาทหรือทุกซาโตชิที่ donate จะถูกส่งเข้ากระเป๋าของผู้เขียนโดยตรงครับ :) **

Share this post

Leave a Reply

Connect with

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Related Posts