ปี 2022 จู่ๆ ชื่อของ นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล ก็ถูกกล่าวถึง และได้กลายเป็นชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาในคอมมูนิตี้ของชาวบิตคอยน์ไทยในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
จากภาพของผู้ชายบ้า Lightning Node ที่ค่อยๆ เปิดตัวกับชาวคอมมูฯ ด้วยสำนวนโผงผาง กัดเจ็บ เผ็ดร้อน ตรงไปตรงมา คลุกเคล้าไปด้วยมุขตลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายจากยุค 70-80
“พี่เดชา” ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้กลายเป็นขวัญใจของน้องๆ บิตคอยเนอร์รุ่นใหม่ๆ ในคอมมูนิตี้ไทยได้อย่างรวดเร็ว
มิพักเอ่ยถึงบทบาทในฐานะจิตแพทย์ทรงคุณวุฒิที่ได้ออกมาจัดหนักใส่ “ระบบ” อันเน่าเฟะของประเทศสารขัณฑ์ผ่านสื่อหลายๆ แห่ง ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ณ จุดนั้นเอง ที่ทำให้หลายๆ คนได้เห็นถึงอุดมการณ์อันแรงกล้าที่มันถูกฝังรากลึกอยู่ในตัวของพี่เดชา หลายคนได้เข้าใจตัวตนของชายคนนี้มากขึ้น และซาบซึ้งถึงการแสดงออกในแบบของ บิตคอยเนอร์ อย่างแท้จริง
ผมเชื่อว่าหลายๆ โพสต์ของพี่เดชาจากทั้งในกลุ่ม Siamese Bitcoiners หรือกลุ่ม Thai Lightning Noderunner ที่เจ้าตัวได้ควบตำแหน่งแอดมินอยู่ด้วยนั้น ต่างก็ได้สร้างความเข้าใจทั้งยังช่วยเปิดหูเปิดตาให้บิตคอยเนอร์ชาวไทยและจูงมือทุกคนเข้าสู่โลกของ Lightning Network ได้อย่างน่าอัศจรรย์
องค์ความรู้ที่ถูกกลั่นกรองออกมานั้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างยิ่งยวดของ Pragmatist (นักปฏิบัตินิยม – เป็นคำที่เจ้าตัวใช้นิยามตัวเอง) ผมสัมผัสได้ทันทีว่า.. ข้อมูลเหล่านั้นมันได้ผ่านการทดลองมาอย่างบ้าคลั่ง ผ่านประสบการณ์ลองผิดลองถูกมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการเรียนรู้ของชาวเราเลยก็ว่าได้
ข้อมูลเหล่านี้หากลองนำมาเรียบเรียงและรวบรวมกันเป็นเล่ม คงจะกลายเป็นตำรา Lightning Network ฉบับภาษาไทยทรงคุณค่าในแบบที่เราคงหาอ่านจากที่ไหนไม่ได้เลยทีเดียว
แทบไม่มีข้อกังขาใดๆ เลยว่า ณ ปัจจุบัน การที่ “พี่เดชา” ได้รับการยกย่องให้เป็น Lightning Node Operator อันดับหนึ่ง ของเมืองไทยนั้น เป็นสิ่งที่คู่ควรและเหมาะสมทุกประการ (คำกล่าวนี้คงจะดูไม่เกินเลยแต่อย่างใด เพราะเป็นคำชื่นชมที่ อ.พิริยะ ได้เคยมอบไว้ให้กลางรายการ CDC BitcoinTalk มาแล้ว)
ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา.. ผมได้มีโอกาสเชิญชวนพี่เดชาไปยังเซิฟเวอร์ดิสคอร์ด ซึ่งเป็นเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของบิตคอยเนอร์ไทยอย่าง “Local Bitcoin Thailand”
ที่นั่นเอง… มันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ถูกพวกเราร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้นตามมาแบบ Non-stop จากสมาชิกหลายพันคนที่แทบไม่มีใครรู้จักกับการรัน Lightning Node มาก่อนเลย วันนี้เรามีสมาชิกประจำห้อง Noderunner ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างน่าประทับใจ
ผมมีโอกาสได้พบกับ พี่เดชา ในงานมีตอัพเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมคงต้องบอกเลยว่า.. ผู้ชายคนนี้แม้ภายนอกจะถูกมองว่ามีปากคอเราะร้าย แต่เอาเข้าจริงๆ พี่เดชา คือพี่ชายที่น่ารักมากๆ สำหรับน้องๆ ทุกคน เขาเป็นคนที่น่าเคารพมากๆ และความรู้ที่มีนั้น ก็ทำให้ผมนั่งฟังได้อย่างไม่รู้เบื่อเลยเช่นกัน (โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูปก็ขึ้นกล้องมากๆ ด้วย :D)
มีคำกล่าวในคอมมูนิตี้ของเราว่า..
“ถ้าคุณอยากรู้จักกับพี่เดชา คุณต้องยอมให้พี่เค้าด่าเจ็บๆ ให้ได้เสียก่อน” (ฮา)
แน่นอนว่ามันคุ้มที่จะลองโดนเหน็บดูสักครั้ง เพราะหลังจากนั้นโลกใน Bitcoin Space ของคุณจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง.. คุณจะได้สัมผัสจริงๆ ว่าบิตคอยเนอร์รุ่นใหญ่ใจดีเขาเป็นกันแบบนี้นี่เอง ผมเชื่อว่า.. หากเราลองเปิดใจสัมผัสกับตัวตนของพี่เขาจริงๆ เราจะไม่เสียใจ และคงต้องขอบคุณในความกล้าของตัวเองอย่างแน่นอนครับ
เอาล่ะครับ… วันนี้ผมมีบทสัมภาษณ์พิเศษมาให้พวกเราได้อ่านเพื่อทำความรู้จักกับเรื่องราวคร่าวๆ ของผู้ชายคนนี้กัน.. ไปลุยกันเลยครับ 🙂
สวัสดีครับ พี่เดชา อยากทราบว่าพี่เข้ามารู้จักกับ Bitcoin ได้ยังไงครับ? ..แล้วพี่รู้จักกับบิตคอยน์ในแง่มุมไหนบ้าง?
“ผมลงทุนในทรัพย์สินโลกเก่ามานาน มีความรู้เรื่อง Bond เรื่องหุ้น เรื่องกองทุน เรื่อง Asset allocation พอสมควร.. จนเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน เพื่อนฝูงขอให้ช่วยทำกองทุนให้พวกเขา.. ก็ไม่น้อยนะ หลายสิบล้านอยู่ กองที่ว่าเป็นกองแบบ เฮดจ์ฟันด์ คือ ลงทุนใน Derivatives ได้เต็มที่ ..ตอนนั้นหลังเกิดวิกฤตซับไพรม์ไม่กี่ปี Fed กำลังออก QE ซึ่งผมวิเคราะห์ว่ามันปลอม มันทำนโยบายหลอกลวงนี้ไม่น่าจะได้นาน ผมเลย Favour short against QE
ผลคือบรรลัยครับ.. จนต้องปิดกองทุนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ได้เงินเหลือคืนมาอยู่นิดนึง ก็ไม่รู้จะไปลงอะไรดี สินทรัพย์โลกเก่าก็มีพอสมควรแล้ว แล้วก็ไม่เชื่อว่า Fed จะเลิกหรือจะทำอย่างนี้ได้เรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุดโดยไม่รับผลอะไรเลย.. มันจะเป็นไปได้ยังไง?
จนมาเจอ Bitcoin นี่แหละครับ ถูกจริตผมทุกอย่าง ถ้าแม้นว่าการ Short against QE ของผม การไม่เชื่อใน Monetary policy เหนือเงิน Fiat ของ Fed ของผม ผลจะไม่เข้าข้างผมบ้างเลย.. ก็ขอลองสู้กับมันอีกสักตั้งด้วย Bitcoin นี่แหละครับ
ต่อให้เราไม่ชนะเด็ดขาด ก็ไม่น่าจะเจ๊งยับเยินแบบคราวก่อนแล้ว …หวังว่านะ”
โอ้! ถือว่าเด็ดดวงมากครับ (หัวเราะ)
ทีนี้.. ทราบมาว่าพี่เป็นคนที่ศึกษา Lightning Network อย่างบ้าคลั่งมาก น่าจะเป็นอันดับต้นๆ ของไทยเลยก็ว่าได้.. แล้วอะไรคือ Lightning เหรอครับ? ทำไมพี่ถึงได้สนใจเจ้า Lightning นี่เป็นพิเศษล่ะ?
“พอสะสม Bitcoin แล้วได้มาฟังอาจารย์ตั๊ม (อ.พิริยะ สัมพันธารักษ์) จำได้ครั้งแรกที่มาฟังทอล์คของแก แกพูดเรื่องโหนดพอดี.. ผมก็สนใจทันที ศึกษาต่อเองอย่างหนักเลยเรื่อง Lightning node เพราะผมมองว่า Fundamental ของ Bitcoin กับ Use case ของ Bitcoin มันเป็นด้าน 2 ด้านที่เป็นเสาหลักของมัน
Bitcoin มันจะมีมูลค่าเป็นที่สะสมความมั่งคั่งได้.. ไม่ใช่เพราะเรื่อง Fundamental หรือเรื่อง Proof of work อะไรนั่นอย่างเดียวหรอก.. มูลค่าของมันไม่ใช่แค่เพียงในฐานะ Store of value แต่เพราะมันมีความสามารถในการถูกนำมาใช้เป็น เงิน ที่ใช้ได้ดีกว่าเงินดั้งเดิมในหลายๆ ด้าน จนมันมีประโยชน์จริงกับโลกใบนี้
มันจึงมีมูลค่าแตกต่างจากเหรียญอื่นๆ ยิ่งมองไปในอนาคต เมื่อถึงวันที่การขุดจะไม่ได้ Coin subsidized อีกต่อไป แต่การ Mining และการทำโหนดจะยังช่วยให้ Ecosystem ของ Bitcoin มั่นคงอยู่ได้ ก็เพราะความเป็นเงินของมันนี่แหละครับ
ความหลายมิติของมันล้วนเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ ผมจึงสนใจการเป็น Medium of Exchange ของมันมาก พยายามศึกษาและทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง
ฝอยจนลืมตอบว่า Lightning คืออะไร 555..
Lightning คือ Layer 2 ของ Bitcoin ทำหน้าที่เป็น Instant micropayment ใน Bitcoin Ecosystem คือเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้ Bitcoin เป็นเงินอย่างสมบูรณ์ครับ”
ไม่เป็นไรครับพี่ ฝอยได้เต็มที่เลย อย่าด่าผมก็พอ 555
โอเค.. แล้วโดยส่วนตัวพี่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงการ Lightning ของไทยได้ยังไงกันครับ? ผมจำได้คร่าวๆ ว่าอยู่ดีๆ ชื่อพี่ก็โผล่ขึ้นมา แล้วพี่ก็ดังเปรี้ยงปร้างเลย ดูพี่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเอามากๆ
แล้ว.. ณ ตอนนี้วงการ Lightning บ้านเรามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้วบ้างครับ?
“ผมเริ่มทำ Lightning node ก็ประมาณช่วงนี้ล่ะครับของปีก่อน ทำมาพร้อมๆ กับ Gu Guy แล้วเขาเตรียม Facebook เผื่อไว้ทำอะไรที่เกี่ยวกับ Bitcoin เทคโนโลยีไว้อยู่แล้ว เขาเลยมาชวนให้ผมช่วยทำต่อ เพราะเขาไม่ค่อยว่าง.. ผมก็เลยจับมันเปลี่ยนเป็นกลุ่ม Thai Lightning Node Community ซะเลย
ก็ถือเป็นการเดินทางผจญภัยไปในจักรวาลของ Lightning พร้อมๆ กันกับสมาชิกในเฟซนั้น ซึ่งก็มีคนตามขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่รู้เท่าไหร่แล้วไม่ได้เช็ค
แต่คนที่ตามทันจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับ ผมเดาว่าประมาณ 20 คน ผมไปไกล เพราะผมทำจริงเจ็บจริง ผมจำได้ ผมเริ่มทำโหนดเดือนตุลา เดือนธันวาโหนดผมก็พินาศแล้ว ทำแค่ 2-3 เดือนก็ Restore Seed กับ SCB Backup เป็นแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ายิ่ง 5555..
Lightning Community ในไทยถึงยังมีสมาชิกไม่ค่อยเยอะ แต่ก็เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีคนที่รันโหนดได้คล่อง ใช้โหนดได้หลากหลาย หลายคนแล้วครับ”
อยากถามพี่เกี่ยวกับอนาคตของ Bitcoin บ้าง ในมุมมองของพี่.. พี่คิดว่าทิศทางในอนาคตของบิตคอยน์จะเป็นไปยังไงครับ?
“ผมไม่เชื่อนะว่า Bitcoin จะเป็นฝ่ายชนะเด็ดขาด ไม่มั่นใจว่ามันจะชนะได้ง่ายๆ หรือภายในเร็วๆ นี้
โลกเรานี้อยู่กันด้วยความหลอกลวงมาเป็นพันปี เพราะฉะนั้น.. ถ้าการหลอกลวงจะเป็นฝ่ายชนะไปอีกสักพันปีมันจะแปลกอะไร?
มันไม่จำเป็นนะครับว่าปัญญาจะต้องชนะศรัทธา สัจธรรมจะชนะความลวง อำนาจมันมีที่ทางของมันเสมอในจักรวาลนี้ อยากให้ Bitcoiner ทุกคนยอมรับความจริงตรงนี้ก่อนว่าเรากำลังวัดดวงกับอะไร?
พอรู้แล้วว่าเรากำลังเสี่ยงกับอะไร ไม่หลงตัวเอง ไม่หลงกับเทคโนโลยีจนเกินไป เราจะได้ประมาณกำลังของเราถูก ว่าเราควรทุ่มกับมันแค่ไหน ด้วยเหตุผลอะไร?
ไม่ใช่ว่า.. เกิดอะไรขึ้นมาก็หมดตูดจนถึงขนาดไม่มีจะกินเลย อันนั้นผมก็ว่าเกินไป
ฝ่ายอำนาจเขารู้ และเขาประมาณกำลังของ Bitcoiner ได้อยู่นะครับ เขาไม่ได้โง่ ถ้าเราทุ่มหมดหน้าตัก เขาจะบี้เราจนถึงจุดที่เราต้องยอมแพ้ ตรงข้ามซะอีก ถ้าเราไม่ All-in เขาจะบี้เราจนเราต้องยอมเทเนี่ย…ยากครับ
กลยุทธของผมมีหลักการง่ายๆ ..ถ้ามันจะเอาเราตาย ถ้ามันไม่ตายด้วย อย่างน้อยก็ต้องเจ็บหนักจนกลับบ้านไม่ถูกล่ะครับ
กูไม่มีวันยอมเป็นลูกไล่ของมึงง่ายๆอีกแล้ว …พอกันที!
ผมเชื่อว่าเราจะเจอสงครามระหว่าง อำนาจรัฐ กับ Bitcoin ภายในเวลาอีกไม่นานนี้ครับ”
ฟังแล้วก็น่าจะเดือดดีเหมือนกัน น่าติดตามนะครับ..
เอาล่ะครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมแอบสังสัยมานานละ ทั้งๆ ที่พี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความรู้เรื่อง Lightning ดีที่สุดในไทย แต่ทำไมก่อนหน้านี้พี่ถึงทำตัวเงียบๆ แทบไม่มีใครรู้จักพี่มาก่อนเลย?
“มีหลายเหตุผลนะครับ เหตุผลแรก คือ ไม่รู้จะอวดไปทำไม 555
เหตุผลที่ 2 ถ้าว่า Bitcoin เป็นสีเทาแล้ว มันยังแค่เทาอ่อน Lightning นี่เทาแก่เลยครับ นี่ขนาดอำนาจรัฐยังไม่รู้จักมันดีนะครับ ถ้าเขารู้จักมันดีล่ะก็ ผมเชื่อว่าเขาจะออกกฎหมายสั่งให้กิจกรรมของมันด้านใดด้านหนึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน
ผมก็เลยยังต้องยั้งๆ ยังต้องเกรงใจเขาไว้บ้าง ไม่ได้กลัวถึงขนาดนั้นครับ แค่เกรงใจ 555
ส่วนเรื่อง Privacy ผมไม่ได้ห่วงขนาดนั้น..
ผมว่าคนกลัวตรงนี้กันมากไปหน่อย.. คนรู้ครับว่า.. อย่างอาจารย์ตั๊ม อย่างคุณจิม อย่างผม…พอมีเงิน ไม่ว่าโลกนี้จะมี Bitcoin หรือไม่มี คนแบบเราก็มีเงินอยู่แล้ว มันต่างกันตรงไหน?
ถ้าเขาจะปล้น จะตามมาอุ้มเราไปเรียกค่าไถ่ มันก็ทำได้ ไม่เกี่ยวกับ ฺBitcoin
ดังนั้น ถ้าเราดูแลตัวเอง ดูแล Bitcoin ตามหลักวิชาด้วยเหตุด้วยผลตามสมควรแล้ว ที่เหลืออะไรจะเกิดก็เกิดครับ ประสาทแดกมากไปก็เปล่าประโยชน์
อีกเหตุผลนึง คือ ผมรำคาญพวก Toxic ที่ถ้าไม่ถามอะไรเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันไปเรื่อยเปื่อย ก็แขวะนู่นแขวะนี่กวนไปเรื่อย พวกนี้มีเยอะจังครับ ขี้เกียจวุ่นวายมากเลยเงียบๆ ดีกว่า”
ผมนึกว่าพี่เองก็ Toxic เหมือนกันเสียอีก 555 หยอกๆ
เอ่อ.. เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว เอาเป็นว่านี่เป็นคำถามสุดท้ายแล้วกันครับ พี่คิดว่ามุมมองของ Bitcoin จะมีผลกระทบต่อสังคม และการเมืองไทยในอนาคตบ้างไหมครับ?
“ใครจะไม่คิดเรื่องนี้แต่ผมคิดนะครับ ผมคิดว่ามีแน่นอน แต่ผมยังอ่านไม่ออกมันจะมีในแง่มุมไหน ระดับไหน?
ปัญหาของ Bitcoin ก็ยังเป็นปัญหาเดิม คือ มันเข้าใจยาก ของ Lightning นี่ทั้งเข้าใจยากและใช้ยาก ถ้าถึงวันใดวันหนึ่งที่ไม่ว่าจะเทคโนโลยีหรือผู้คน ทำให้เรื่องเหล่านี้เข้าใจง่าย ใช้ง่ายขึ้น จนชนะกำแพงบางอย่างได้ ผลกระทบของ Bitcoin ต่อสังคมจะเริ่มเห็นผลจริงอย่างเป็นรูปธรรม
ถ้าให้เดาว่าน่าจะประมาณไหน.. ผมชอบมองโลกในแง่ดี ผมเดาว่ารัฐควรจะเกรงใจประชาชนมากขึ้น เพราะอำนาจในการริดรอนเสรีภาพทางการเงินนั้น ถูกลดลงไปแล้วบางส่วน มึงจะมาซี้ซั้วทำอะไรโง่ๆ แบบเดิม…ไม่ได้แล้ว
แต่มันอาจจะออกไปในทางตรงข้ามเลยก็ได้นะครับ คนเสพติดในอำนาจเวลาหน้ามืดขึ้นมา มันอาจจะตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ บอๆ ก็ได้ ผมถึงบอกพวกเราว่าเกมนี้เสี่ยงนะครับ ไม่ใช่ไม่เสี่ยง
ถ้าจะดูสัญญาณอะไร ผมว่าเราอาจจะพอดูได้จากการออก CBDC ของทุกธนาคารกลางในโลกใบนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ว่ามันจะออกมาแนวไหน?
ถ้ามันออกมาแนวแข่งขันกับ Bitcoin ออกมาเพิ่มความสะดวก เพิ่มเสรีภาพทางการเงินให้กับประชาชน …แบบนี้อนาคตโอเค
แต่ถ้ามันออกมาแนวจีน ใช้เป็นเครื่องมือควบคุมพฤติกรรมของผู้คน ใช้เป็นตัวแจก Token ริบ Token ถ้าอย่างนี้ …อนาคตบรรลัย 555
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะครับ…ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชีวิตคือการผจญภัยครับ ทุกอย่างล้วนสนุกทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองจินตนาการดูสิ 555
ขอบคุณทุกท่านนะครับที่ร่วมผจญภัยไปบนเรือเหาะลำที่ชื่อ Bitcoin ด้วยกัน”
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ บทสัมภาษณ์สั้นๆ แต่มันส์ทุกวรรคกับ พี่เดชา ของเรา
ในอนาคตอันใกล้นี้ พี่เดชาเองก็ได้รับปากกับผมเอาไว้แล้วนะครับว่า จะพยายามหาเวลามาทะยอยเขียนบทความเป็นความรู้เกี่ยวกับ Lightning network ให้พวกเราได้อ่านกันบนเว็บไซต์ rightshift.to ของเราด้วยนะครับ
ส่วนในอนาคตจะมีบทสัมภาษณ์ของบิตคอยเนอร์คนดังคนไหนตามมาอีกบ้าง โปรดติดตามในเว็บไซต์ของเราอย่างใกล้ชิดเอาไว้ได้เลยครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอดครับ 🙂
ติดตามผลงานของ พี่เดชา ได้ที่ไหนบ้าง?
Facebook group Siamese Bitcoiners
Facebook group Thai Lightning Noderunner⚡️
Discord Local Bitcoin Thailand
2 Comments
สัมมันมาก อยากให้ยาวกว่านี้ 555
อ.แกมีเวลาไม่เยอะครับ 555